Short Sell รายย่อยทำไม ถูกจำกัดสิทธิ์?

282

ตลาดหุ้นไทยทุกวันนี้ต้องยอมรับว่ามีปัญหาเชิงโครงสร้างอยู่หลายจุด รวมทั้งปัญหาความไม่เท่าเทียมของกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาศัยช่องโหว่ แต่ต้องยอมรับว่าการกระทำเร่งด่วนภายใต้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบัน อัสสเดช คงสิริ” เป็นรูปธรรมที่สุดคือ การเร่งแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมเรื่องการส่งความสั่งซื้อขายที่มีความเร็วสูงในรูปแบบ HFT ผ่านโปรแกรมเทรด โดยเปิดให้โบรกเกอร์ที่สนใจการบริการดังกล่าวสามารถแสดงความสนใจเพื่อติดตั้ง Co-location เพื่อเชื่อมต่อกับตลท.โดยตรงได้เหมือนกับกลุ่มก่อนหน้า โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย คาดว่าจะได้เห็น Q2/68 นี้

แนวทางแก้ปัญหาบจ. PEสูง

แต่ปัญหาโครงสร้างยังมีอยู่อีกหลายจุด ทั้งเรื่องความแพงของหุ้นในตลาดหุ้นไทยบางตัว PE สูง มาก 40-50 เท่า เมื่อเทียบกับธุรกิจใกล้เคียงกันในต่างประเทศยังถูกกว่า แถมยังมีอนาคตไกลกว่า อาทิ DELTA เคยมี PEระดับ 80 เท่า ปัจจุบันแม้ว่าราคาย่อลงมาก็ยังจัดว่าแพง PE ที่ 53 เท่า เป็นธุกิจเป็นเพียงหุ้นขายชิ้นส่วนอุปกรณ์เพื่อซัพพอร์ตให้กับหุ้นกลุ่ม TECH เท่านั้น แต่ราคาแพงกว่า NVIDIA เป็นต้น

ซึ่งเรื่องนี้โครงการ Jump+ ของ ตลท.ที่ส่วนหนึ่งคือการเฟ้นหา บจ.ที่มีศักยภาพมีแวลู่ซ่อนอยู่ ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเรียกง่ายๆ บจ.ที่ยังเบ่งกำไรให้เติบโตกว่าปกติได้ในหลากหลายรูปแบบ ก็จะยิ่งช่วยลด PE ลง แถมยังได้อินเซนทีฟกับ บจ.ที่เข้าร่วม อาทิ ไม่เสียภาษี เป็นต้นก็น่าสนใจ

“ตลท.กำลังเฮียริ่งUptick สำหรับการขายชอร์ต”

ส่วนปัญหาความไม่เท่าเทียมอีกหนึ่งปัญหาที่อยากจะนำเสนอเพิ่มเติมและกำลังอยู่ในช่วงเฮียริ่งของ ตลท.โดยล่าสุดตลท.ฯ จึงจัดให้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น “การทบทวนการกำกับดูแลการขายชอร์ต และ HFT โดยเฉพาะการทบทวนการกำกับดูแลการขายชอร์ต ตลท.กำลังหยิบยกบางปัญหามาทบทวน คือ แนวทางทบทวนมาตรการ Uptick สำหรับการขายชอร์ต โดยให้ใช้เกณฑ์ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) เป็นรายหลักทรัพย์ในวันทำการถัดไป เมื่อราคาปิดของหลักทรัพย์ใดมีราคาลดลงตั้งแต่ 10% เมื่อเทียบกับราคาปิดของวันทำการก่อนหน้า แทนการใช้เกณฑ์ Uptick กับทุกหลักทรัพย์ (กรณีปกติให้ใช้เกณฑ์ Zero-Plus Tick) เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต และสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ

ตรงนี้เท่าที่สอบถามกูรูและนักลงทุนแล้วถือว่าทางเทคนิคไม่ได้มีปัญหา และเห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาเกณฑ์ดันไปกระทบกับหุ้นไม่มีสภาพคล่องยิ่งทำให้ความน่าสนใจลดน้อยลงไปอีก ฉะนั้นการใช้ตะแกรงร่อนที่ถี่ก็จะไม่ทำให้หุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องกระทบ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และดีกว่าเดิมที่จะยกเลิกไปเลย

“แนวทางเสนอเพิ่มเติม

เครื่องมือ Short Sell”

อย่างไรก็ตามกูรูบางท่านยังขอเสนอเพิ่มเติมและยังมีเสียงสะท้อนนักลงทุนรายย่อยว่า ต้องยอมรับว่าโครงสร้างนักลงทุนหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นนักเก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่ สัดส่วนนักลงทุนมีเพียงราว 10 % เท่านั้น ฉะนั้นก็อยากเสนอให้ ตลท.ดูในหลายมิติมากขึ้นเพื่อความเท่าเทียมกับกลุ่มนักลงทุนในทุกๆกลุ่ม คือการคำนึงถึงกลุ่มนักลงทุนที่เข้าถึงเครื่องมือ Short Sell ด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าปัจจุบันรายย่อยไม่สามารถยืมหุ้นมาขายช็อตได้ทุกตัว เป็นช่องโหว่สำคัญที่ทางการควรเร่งเข้าไปจัดการจะได้ไม่มีใครได้สิทธิ์เหนือใคร

ในความเป็นจริงคือทุกวันนี้การ Short Sell นักลงทุนต้องทำผ่านธุรกรรม SBL ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของหุ้นที่จะยอมให้ยืมหรือไม่ด้วย มันจึงไม่แฟร์กับรายย่อยตรงที่ ตัวกลางที่มีหุ้นจากรายใหญ่สุดนั่นก็คือ โบรกเกอร์ย่านรัชดาที่มีหุ้นให้ยืมจาก กบข.มากที่สุด เพราะกบข.คือรายใหญ่ที่สุดที่มีหุ้นให้ยืมในตลาดหุ้นไทย ลูกค้าที่โบรกนี้ให้บริการไม่ใช่รายย่อยอยู่แล้วต่างชาติคือลูกค้ารายใหญ่ของที่นี่ว่ากันไม่ได้เพราะกฎเกณฑ์เขียนมาแบบนี้

แต่กูรูตลาดหุ้นจึงเสนอว่า บ้านเราควรมีตัวกลางที่เป็นคัสโตเดียนเหมือนต่างประเทศทำหน้าที่นี้ เพื่อให้รายย่อยที่อยากจะยืมหุ้นก็สามารถมาใช้ธุรกรรมนี้ได้ ไม่ใช่โบรกเกอร์ที่ผูกขาดกับผู้ให้ยืมแบบนี้ทำให้รายย่อยเข้าไม่ถึงยังไงก็ฝาก ตลท.ช่วยดูในหลายมิติเพื่อความแฟร์ของนักลงทุนด้วยรายย่อยก็จะมีโอกาสเป็นผู้ชนะได้ถ้ามีเครื่องมือที่ไม่เอาเปรียบเช่นนี้

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon