LPN เสริมแกร่งด้านการเงิน เดินเกมรุกปรับพอร์ตการลงทุน พร้อมลุยศึกอสังหาฯ ภายใต้กลยุทธ์ “Healthy Resilience”

10

มิติหุ้น – บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพอย่างครบวงจร ด้วยความเชื่อมั่นจากประสบการณ์การดูแลลูกค้ากว่า 130,000 ครอบครัว มากว่า 36 ปี ในการส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัย ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบรับทุกความต้องการ พร้อมเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อยกระดับ “ความน่าอยู่” ทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย โดยในปี 2568 ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “Healthy Resilience” มุ่งสู่การเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีศักยภาพในการปรับตัวอย่างยืดหยุ่นและแข็งแกร่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความผันผวนและไม่แน่นอน จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ เทคโนโลยี  สังคม และ สิ่งแวดล้อม โดยปรับพอร์ตการลงทุน ขยายเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ รักษาความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

นางสาวดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทใน
ปี 2568 ว่า หากดูจากสถานการณ์ของเศรษฐกิจปัจจุบัน จะเห็นชัดว่าเป็นปีที่ท้าทายการทำงานของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากกำลังซื้อที่อยู่อาศัยภายในประเทศชะลอตัว จากภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่เกิน 90% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Products : GDP) และสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากความสามารถในการชำระคืนหนี้ของผู้ซื้อลดลงต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน พฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป จากผลการสำรวจของหลายสำนักวิจัยพบว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เน้นการเช่ามากกว่าการซื้อเนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอต่อการซื้อที่อยู่อาศัย โดยกระทบมาจากทั้งราคาที่ดิน ราคาวัสดุก่อสร้าง ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ โดยปีนี้ LPN จึงต้องปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจในปี 2568 สู่แนวคิด “Healthy Resilience” โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ต้องมีความยืดหยุ่นขึ้น เพื่อนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วยแกนหลัก “5P” ได้แก่

  1. Products: การปรับตัวในด้านของผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบันมากขึ้น

สำหรับปี 2568 LPN มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ บนทำเลถนนรามอินทรา และอ่อนนุช มูลค่ารวม 3,350 ล้านบาท และ โครงการบ้านพักอาศัยระดับพรีเมี่ยม จำนวน 2 โครงการ บนทำเลถนนพระราม 5 และพุทธมณฑลสาย 4 มูลค่ารวม 2,650 ล้านบาท และให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการโดยคำนึงถึงการใช้ชีวิตของคนทุกวัยอย่างมี
สุขภาวะที่ดี (Universal and Wellness Design) ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งในรูปแบบของครอบครัวและการใช้ชีวิตแบบคนโสด ซึ่งเป็นโจทย์ใหม่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยคนโสด
(Solo Economy) โดยปี 2568 บริษัทมีแผนในการปรับพอร์ตการลงทุนซื้อที่ดินที่เหมาะสำหรับการพัฒนาคอนโดมิเนียมมากขึ้น

“เรามีการวางแผนในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพราะนับว่าคอนโดมิเนียมของ LPN
ยังเป็นจุดแข็งที่ลูกค้าให้การยอมรับและเชื่อมั่นมายาวนาน อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ซื้อในปัจจุบัน
ที่เน้นการเช่ามากกว่าการซื้อ ทำให้คอนโดมิเนียมยังเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ซื้อเพื่อการลงทุน และสำหรับปีนี้
เราเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัยจำนวนใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นที่ดินเดิมที่พร้อมพัฒนาเป็นโครงการในรูปแบบบ้านพักอาศัยอยู่เดิม แต่สัดส่วนการเปิดคอนโดมิเนียมจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2569 เป็นต้นไป” นางสาวดารณี กล่าว

  1. Process: การปรับกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการใช้นวัตกรรม

ข้อมูล และเทคโนโลยีให้มากขึ้น ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายใน โดยมุ่งสู่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ตั้งแต่การจัดซื้อที่ดิน งานออกแบบ การก่อสร้าง การส่งมอบ และการบริหารจัดการโครงการหลังการส่งมอบ เพื่อครอบคลุมความต้องการของลูกค้า รวมทั้งให้ความสำคัญกับการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปรับปรุงกระบวนการทำงานและการก่อสร้างไปสู่การเป็น Net Zero Waste Developer ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2566 และดำเนินการต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยบริษัทฯ กำหนดเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก ก่อนที่กฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะมีผลบังคับใช้ และมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เฉลี่ยปีละ 2.5% โดยนับปี 2566 เป็นปีฐาน และปี 2566 บริษัทฯ ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1,292 ตันคาร์บอน (tCO2e) และปี 2567
มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงเหลือ  1,259.7 ตันคาร์บอน (tCo2e) หรือลดลง 2.5% ตามแผนเป็น Net Zero ภายในปี 2608

  1. People: มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการทำงานของทีมงานภายใต้แนวคิด “Work Smart with

Commitment” ปี 2568 เป็นปีที่บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการทำงาน เพิ่มการอบรมในทุกๆ ด้าน การใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยี ให้สามารถทำงานร่วมกัน มีทักษะในการเรียนรู้ปรับตัวเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า

  1. Partnership and Stakeholders: ปี 2568 จะเป็นปีที่ LPN พร้อมเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจในด้าน

ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อต่อยอดในการดำเนินธุรกิจโดยร่วมกันสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันและเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ จนสามารถสร้างรายได้และยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และมุ่งหวังให้พันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจสามารถที่จะได้รับผลตอบแทน
ที่เหมาะสมต่อเนื่อง

  1. Performance: สำหรับในปี 2568 LPN มีเป้าหมายยอดขาย 8,500 ล้านบาท และรายได้รวม 8,300

ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2567 ที่มียอดขาย 8,450 ล้านบาท รายได้รวม 8,000 ล้านบาท มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายสำคัญ คือการนำ LPN กลับไปสู่ TOP10 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ภายใน 5 ปี โดยให้ความสำคัญกับการบริหารการเงิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาธุรกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งและเติบโตอย่างมั่นคง
ในอัตรา 5 – 10% ต่อปี การจัดการสภาพคล่องทางการเงิน โดยการลดปริมาณสินค้าคงเหลือ (Inventory) ให้ได้มากที่สุด และการสร้างรายได้จากหน่วยธุรกิจให้เช่าและการให้บริการ เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด และรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น เพียงพอต่อการบริหารจัดการ และ การลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำธุรกิจอย่างครบวงจร (Self-fulfillment) นอกเหนือจากการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยทั้งประเภทอาคารชุดและบ้านพักอาศัยแล้ว แอล.พี.เอ็น. ยังมีบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และสร้างรายได้ให้กับบริษัท ทั้งบริษัทบริหารจัดการโครงการอย่าง บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) ที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับจากลูกค้าในการบริหารจัดการนิติบุคคลกว่า 260 โครงการ

โดยปัจจุบัน บริษัทมีสินค้าคงเหลือพร้อมขายมูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) ในปี 2568 อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท นอกจากนั้น LPN ยังมีแผนการปล่อยแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องทั้งปี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อทั้งลูกค้าที่ซื้ออยู่เอง และกลุ่มนักลงทุน ทั้งยังให้ความสำคัญกับการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว อาทิ โปรแกรม #MembersGetNeighbors ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้า LPN ทุกคนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นง่ายๆ เพียงแค่ชวนเพื่อนมาเป็นครอบครัว LPN ด้วยกัน ผ่านระบบที่ได้รับการพัฒนาให้มีขั้นตอนที่ง่าย ชัดเจน สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับสมาชิกครอบครัว LPN ควบคู่ไปกับกิจกรรมสานสัมพันธ์ และการมอบสิทธิประโยชน์อีกมากมายในอนาคต

“และจากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการรับเรื่องพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์อัตราส่วนการให้สินเชื่อซื้อบ้านโดยเทียบมูลค่า (Loan to Value : LTV) ซึ่งอยู่ระหว่างการนำข้อมูลต่างๆ มาพิจารณา โดยคาดว่าน่าจะมีข้อสรุปภายในไตรมาส 2/2568 ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบแล้ว คาดว่าจะส่งผลเชิงบวกกับลูกค้า LPN โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียม เพราะปัจจุบันลูกค้า LPN จำนวนมากซื้อคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังที่ 2 เพื่อไว้พักอาศัยระหว่างช่วงวันทำงาน เนื่องจากคอนโดมิเนียมของ LPN อยู่ในทำเลศักยภาพใกล้ที่ทำงานและรถไฟฟ้า สะดวกในการเดินทาง ถึงแม้ปีนี้จะเป็นอีกปีที่ท้าทาย แต่เชื่อว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจ “Healthy Resilience” จะทำให้พวกเราก้าวข้ามความผันผวนและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในปี 2568 โดยที่มียอดขายและรายได้ตามแผนที่วางไว้” ดารณี กล่าวเพิ่มเติม

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon