CGSI : Trend Spotter

18

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก จากความกังวลว่าความไม่แน่นอนนโยบายภาษีศุลกากรอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งปธน. ทรัมป์ไม่ได้ปฏิเสธประเด็นนี้ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับ Fox News สอดคล้องกับความคิดเห็นจากนายเบสเซนต์ รมว. คลังสหรัฐ ที่กล่าวว่า “อาจมีช่วงพักฟื้นสำหรับเศรษฐกิจจากการที่รัฐบาลใหม่ลดค่าใช้จ่าย” นอกจากนี้ สหรัฐยังเสี่ยงที่จะเผชิญกับการชัตดาวน์สัปดาห์นี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวจะทำให้มีการปิดหน่วยงานราชการจำนวนมาก ส่งผลให้ดัชนีวัดความวิตกอย่าง VIX พุ่งขึ้นกว่า 19% และเกิดแรงเทขายหุ้นนำโดยกลุ่ม Magnificent 7 (Tesla -15%) และ Palantir ที่ได้รับผลกระทบจากการลดการทำ Carry Trade ในสกุลเงินเยน หลังเงินเยนแข็งค่าและบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางแนวโน้มที่ BOJ จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กดดันดัชนี Nasdaq ปิดลบกว่า 4% และนักลงทุนย้ายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวลง แม้ว่าเมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) จะมีแรงขายทำกำไรทองคำออกมา (-0.5%)

ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศของทรัมป์ยังสร้างความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก (ดัชนี STOXX600 -1.3%, FTSE100 -0.9%) รวมถึงอุปสงค์น้ำมันชะลอตัว (ราคาน้ำมันดิบ -1.5%) ท่ามกลางการที่กลุ่ม OPEC+ ยืนยันเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย. ตามแผนเดิม อย่างไรก็ตาม ติดตามการเจรจาของเจ้าหน้าที่สหรัฐ-ยูเครนสัปดาห์นี้ ซึ่งหากความขัดแย้งยูเครน-รัสเซียยุติลง จะส่งผลให้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐสิ้นสุดลงด้วย ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้น

ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญอย่างตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS เดือนม.ค. คืนนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) เพื่อหาแนวโน้มการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่จะมีการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า (18-19 มี.ค.) โดยตลาดยังคงให้น้ำหนัก 97% (อิงจาก FedWatch Tool) ที่ Fed จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% ก่อนจะปรับลดลงมาในการประชุมเดือนมิ.ย.

• SET Index : เราคาดว่า SET Index ยังคงแกว่งผันผวน Sideway to sideway down ที่บริเวณ 1,165-1,185 จุด
เผชิญแรงกดดันตาม Sentiment ลบปัจจัยต่างประเทศเกี่ยวกับความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ, ชัตดาวน์ และความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของทรัมป์ รวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาชะลอตัว ขณะที่ยังคงขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ในประเทศ ท่ามกลางนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงขายสุทธิหุ้นไทย

แม้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 กลุ่มวัยรุ่นอายุ 16-20 ปี 2.7 ล้านคน ออกมา แต่เรามองว่าจะคล้ายกับเฟส 1 ที่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยมากนัก โดยเรายังคงประมาณการเศรษฐกิจในปี 2025 ที่ GDP +2.5% yoy, อัตราเงินเฟ้อ 1.0% yoy และอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50-1.75%

นอกจากนี้ ระมัดระวังแรงกดดันจากหุ้นที่ทยอยขึ้น XD หลายตัวในช่วงนี้

เราจึงคงคำแนะนำการ Trading หุ้นกลุ่ม Defensive และ Yield Play ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน

• หุ้นแนะนำ
PTTEP
แม้เราคาดการณ์ว่าราคาก๊าซน่าจะอ่อนตัวลงในปี FY25 แต่เราเชื่อว่าราคาก๊าซของ PTTEP จะยังทรงตัวเพราะราคาจะปรับตามหลังราคาน้ำมันประมาณ 12 เดือน ขณะที่ PTTEP มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 8% ในปี FY25

(Take profit : 112.0 / Stop loss : 105.5)

SCB
SCB มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 9.0% ในปี FY25 ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารไทยที่เราศึกษา โดยเราตั้งสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลในปี FY25-26 อยู่ที่ 80% และน่าจะยังอยู่ที่ระดับนี้จนถึงปี FY27 เพราะสินทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตช้า

(Take profit : 124.5 / Stop loss : 121.0)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon