มิติหุ้น – สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ โดยดัชนี DJIA (-1.30%), S&P500 (-1.39%) และ Nasdaq (-1.96%) เนื่องจากนักลงทุนกังวลสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้เข้าสู่สภาวะถดถอย โดยดัชนี Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนดีดตัวเพิ่มขึ้น 5%
การที่ดัชนีดาวโจนส์ที่เป็นดัชนีชี้วัดของบริษัทขนาดใหญ่ร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 จากระดับสูงสุดในวันที่ 19 ก.พ. ยืนยันว่าเข้าสู่เขตปรับฐานแล้วจากความกังวลผลกระทบสงครามการค้า โดยล่าสุดนี้สหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้สหรัฐที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป ส่งผลให้ Donald Trump ขู่ทาง Platform “Truth Social” ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าแอลกอฮอลล์และไวน์นำเข้าจาก EU 200%
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ใช้วัดเงินเฟ้อจากฝั่งผู้ผลิต เดือน ก.พ. อยู่ที่ 3.2% yoy น้อยกว่าตลาดคาดที่ 3.3% (เดือนก่อน 3.5%)
ด้านสัญญาทองคำ ปิดบวกที่ US$2991.3/oz (+1.51%) ปรับตัวบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางสงครามการค้าหนุน fund flow ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับราคาน้ำมันดิบ (WTI) ปิดที่ US$66.55/ bbl (-1.0%) หลัง EIA ได้ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับสภาวะ Oversupply โดยคาดว่าอุปทานทั่วโลกจะมีปริมาณมากกว่าอุปสงค์ ราว 600k บาร์เรล ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมที่อ่อนแอลง และความตึงเครียดด้านการค้า
• SET Index : เราคาดว่า SET Index ยังคงผันผวนในกรอบ 1,140-1,165 จุด รับ sentiment ลบตามตลาดหุ้นสหรัฐจากสงครามการค้าที่รุนแรงและมีความไม่แน่นอนมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าใหญ่ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ สำหรับปัจจัยในประเทศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และเราคาดว่าเม็ดเงิน LTF ที่ไม่ได้โอนย้ายไปกองทุน TESGX ราว 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถขายคืนได้ตลอดเวลา ยังคงกดดันต่อตลาดหุ้น
เราแนะนำกลุ่ม Defensive play (BH, PR9, BDMS), High yield (SIRI, SCB, KTB) เนื่องจากมีความผันผวนของ Capital gain น้อยและ Selective buy อย่างระมัดระวัง เพื่อหาสัญญาณก่อนที่ fund flow จะไหลเข้าโซน Asia จากปัจจัยดังนี้
1) หากมีการ Risk off ในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ (หมดรอบขาขึ้น) หรือตลาดมีความเชื่อมั่นว่าไทยจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีจากนโยบายของ Donald Trump อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าการที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐอยู่เป็นอันดับที่ 11 อาจยังไม่เป็นเป้าหมายของสหรัฐฯ
2) ปัจจัยการเมืองที่คลี่คลายลงจากการอภิปรายไม่วางใจ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งน่าจะเป็นช่วงปลายสัปดาห์ของเดือน มี.ค. 2025 และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมและมีประสิทธิภาพอย่างมีนัยที่หนุนการปรับประมาณ GDP จากความกังวลสงครามการค้าที่กดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภค
• หุ้นแนะนำ
SCB: ท่ามกลางสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เราแนะนำกลุ่ม High yield โดยมี Dividend yield ที่น่าสนใจราว 9.0% และคาดว่าการจ่ายเงินปันผลยังอยู่ที่ 80% ระดับนี้จนถึงปี FY27 และเราเห็นสินเชื่อเพื่อการบริโภคมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
(Take profit : 128.0 / Stop loss : 120.0)
CENTEL : ผู้บริหารของ CENTEL มีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจโรงแรมมากขึ้นและคาดว่าจะรายได้จากธุรกิจนี้จะเติบโต 23% ในปี FY25 (เพิ่มขึ้นจาก +11% ในปี FY24) นำโดยโรงแรมโอซาก้าและไทย
(Take profit : 35.0 / Stop loss : 32.0)
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon