มิติหุ้น-CCET โดยบล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่ายอดขาย 2 เดือนแรกเติบโตดี เพิ่ม 2 หลัก y-y : แม้ว่าผู้บริหารจะไม่ให้เป้าหมายยอดขายปี 2025 ว่าจะเติบโตเท่าใด แต่ยอดขาย 2 เดือนแรกที่รายงานออกมาที่ 691 ล้านเหรียญเพิ่มขึ้น +18% y-y อาจทำให้พอคาดเดาได้ว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน
ยอดขายที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการขยายกำลังการผลิตโรงงาน 16 (อ.มหาชัย) สำหรับผลิต SSD ที่ได้เริ่มผลิตแล้วตั้งแต่ 4Q24 ที่ผ่านมา และคาดจะมีสินค้ากลุ่ม Data center มาเพิ่มอีกในอนาคต ส่วนใน 1H25 จะเริ่มผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์ที่โรงงาน 15 (จ.เพชรบุรี)
ขณะที่โรงงาน 13 และ 14 อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า ซึ่งจะเป็นส่วนเพิ่มต่อประมาณการในปี 2026 เป็นต้นไป โดยการขยายกำลังการผลิตโรงงานทั้ง 2 แห่ง(15 และ 16) ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% จากเดิม
Global Minimum Tax (GMT) คาดไม่กระทบ : ผบห. ชี้แจงว่าผลกระทบค่อนข้างจำกัด แม้ปัจจุบันอัตราภาษีจ่ายของ CCET จะอยู่ที่เพียง 3.12% ก็ตาม แต่ CCET เผยว่าสามารถนำค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือน และค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่มีตัวตนมาหักลดหย่อนได้ทำให้ผลกระทบจากมาตรการนี้จะค่อนข้างจำกัด (ดูรูปที่ 1)
แนวโน้มปี 2025 คาดจะยังดีต่อ : เราคาดว่าแนวโน้มการดำเนินงานจะยังดีต่อเนื่องจากการที่ CCET เน้นการผลิตสินค้าใหม่ ๆ มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตสูง และยังมีอัตรากำไรที่สูงกว่าสินค้าเดิม
โดยกลุ่มสินค้าที่บริษัทกำลังดำเนินการในปี 2025
- EV Charging คาดมูลค่าตลาดโลกปี 2025 จะอยู่ที่ 40 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยังเป็นสินค้าที่มีการเติบโตได้ โดย CCET เริ่มผลิต และส่งมอบตั้งแต่ 2Q24 ที่ผ่านมา และยังมีโครงการถัดไปในช่วงที่เหลือของปีและปีหน้าด้วย
- Server เริ่มส่งมอบตั้งแต่ 2H24 แต่คาดจะเพิ่มขึ้นในปี 2025
- SSD เริ่มผลิตตั้งแต่ 4Q24 ขณะที่ลูกค้ารายสำคัญได้ให้คำสั่งซื้อสำหรับปี 2025 มาแล้ว
- Smart wearables ดีขึ้นใน 2H24
- Printer รองรับการย้ายฐานการผลิตจากจีน และการย้ายฐานการผลิตจากเวียดนามมาไทย
จากการขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นซึ่งเริ่มส่งผลจากยอดขาย 2 เดือนแรกที่กลับมาฟื้นตัวระดับ 2 หลักได้ทำให้เราคาดว่ายอดขายปี 2025 จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากสินค้าที่ CCET กำลังสนใจและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้มากขึ้นจากสินค้าเดิม
- เราคาดยอดขาย 4,616 ล้านเหรียญ +10% y-y และคาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4%
- ค่าใช้จ่ายขายและบริหารนั้นคาดยังควบคุมอย่างเข้มงวด รวมถึงการนำเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้เพื่อควบคุมการผลิตให้ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มจำนวนคน
- คาดกำไรสุทธิ 3,327 ลบ.+28% y-y สูงที่สุดในกลุ่ม
สงครามการค้าสหรัฐ คาดแก้ไขได้ : ผบห. พูดถึงประเด็นสงครามการค้าว่า หากมีการขึ้นภาษีจริงก็จะขึ้นราคาขายไปที่ลูกค้าได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วคงต้องดูว่าอัตราภาษีที่จะขึ้นนั้นเป็นเท่าไหร่หากสูงระดับ 25% CCET ก็พร้อมที่จะย้ายฐานการผลิตไปที่สหรัฐ หรือฟิลิปปินส์ เพื่อรองรับปัญหาดังกล่าว
รวมถึงอาจมีการย้ายมาผลิตที่ไทยแทนได้ แต่หากไม่สูงถึงระดับดังกล่าวการผลิตในไทย หรือฟิลิปปินส์ อาจเหมาะสมกว่า และลูกค้ารับไหวเนื่องจากค่าแรงในสหรัฐค่อนข้างสูง
“ ในการประชุมนักวิเคราะห์แม้สิ่งที่ฟังนี้อาจเป็นเรื่องที่ตลาดพอทราบถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทว่าจะเป็นไปอย่างไร แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือ ยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งจากขยายกำลังการผลิตไปก่อนหน้า แม้ว่า CCET ไม่ได้แจ้งเป้าหมายว่าจะเป็นอย่างไรแต่เราสามารถติดตามจากยอดขายรายเดือนที่จะออกมาพอเป็นตัวบ่งชี้ถึงการเติบโตได้ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อว่าจะดีอย่างที่คาดหรือไม่
เรายังมีมุมมอง “บวก” ต่อภาพการดำเนินงานปี 2025 ว่ายังมีการขยายตัวได้ต่อเนื่องจากสิ่งที่ทำไปก่อนหน้า และคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาไทยไม่ว่าสหรัฐจะกีดกันจีน หรือจีนกีดกันไต้หวัน
เราปรับราคาเหมาะสมเบื้องต้นปี 2025 อยู่ที่ 9.00 บาท/ หุ้น ปรับเป้าหมาย P/E เหลือ 25.0x สะท้อนความผันผวนของกลุ่มที่มากขึ้น ประกอบกับงบ 4Q24 ที่ออกมาต่ำคาด
อย่างไรก็ดีในแง่ Valuation CCET ซื้อขายที่ PEG25E เพียง 0.5x ต่ำกว่ากลุ่มที่ 2.4x ทำให้ CCET ยังคงน่าสนใจที่สุดในกลุ่ม ส่วนความเสี่ยงสำคัญที่ต้องตาม คือ แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น และเศรษฐกิจโลกถดถอยอาจส่งผลต่อคำสั่งซื้อได้ ”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon