มิติหุ้น – กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ สถาบันอาหาร จัดงาน Exclusive
Talk & Networking “ถ่ายทอดพลังซอฟต์พาวเวอร์ผ่านศาสตร์แห่งอาหารไทย สู่เวทีโลก” (Shaping Soft Power through Thai Cuisine toward Global Influence) ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท ถือเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารไทย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอาหารไทยในฐานะซอฟต์พาวเวอร์สำคัญของประเทศ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและยกระดับแบรนด์ประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในพิธีเปิดงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรม
ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ที่ถือเป็นแนวทางการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ประกอบกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม “การปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ผ่าน 3 ปฏิรูป (สู้ เซฟ สร้าง) โดยการปฏิรูปที่ 2 “เซฟ” คือการมุ่งเซฟพี่น้องอุตสาหกรรมไทย สร้างความเท่าเทียม สร้างรายได้ และสร้างโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ สอดรับกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ที่พัฒนาศักยภาพบุคลากร (Upskills , Reskills and New skills) สร้างคน สร้างอาชีพ เพื่อรองรับการปฏิรูปอุตสาหกรรม ผลักดันการจัดทำและรับรองมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ สำหรับแรงงานศักยภาพสูง และแรงงานทักษะสูง และเน้นสร้างความร่วมมือ บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนให้นโยบายบรรลุเป้าหมาย
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม จึงเร่งผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ในสาขาหลักที่ได้รับมอบหมายได้แก่ แฟชั่นและอาหาร โดยเฉพาะสาขาอาหารซึ่งประเทศไทยได้รับขนานนามว่าเป็น “ครัวของโลก” แต่การจะส่งเสริมให้อาหารไทยสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสากลได้อย่างแท้จริง ต้องมีการสร้างแบรนด์ของอาหารไทยให้มีความเป็นสากลและสะท้อนถึงศาสตร์แห่งโภชนาการ สร้างมิติมุมมองในด้านวัฒนธรรมและมนต์เสน่ห์ความเป็นไทย โดยมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร ให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย
ในงานครั้งนี้ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้กล่าวถึงการดำเนินโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหารของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2567 และ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อสร้างเชฟมืออาชีพจากทุกชุมชนทั่วประเทศและยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย ภายใต้ 4 โครงการสำคัญ ได้แก่ 1. การยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย 2. การพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย 3. การยกระดับศูนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน 4. การส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ซึ่งการจัดงาน Exclusive Talk & Networking ในวันนี้เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการด้านอาหารในการขยายตลาดสู่สากล การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจด้านอาหาร รวมถึงการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการในวงการอาหารไทย โดยมีผู้เข้าร่วมงาน จำนวน 100 คน ประกอบด้วย ผู้ผลิตวัตถุดิบ เชฟผู้พัฒนาเมนู ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ ผู้ส่งออก จนถึงหน่วยงานด้านนโยบายและส่งเสริมของภาครัฐ นอกจากนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้สร้างครูผู้สอน (Train the Trainer) จำนวน 325 คน สร้างเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) จำนวน 1,300 คน พร้อมเข้ารับการทดสอบความรู้กับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมอนามัย อีกทั้งยังมีกิจกรรมเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมด้านการตลาดด้วยการให้ความรู้เรื่องการสร้างคอนเทนต์ ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง การเพิ่มองค์ความรู้ เพิ่มทักษะ (Upskill) ด้วยการนำ AI ยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยในยุคดิจิทัล และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหารอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างเชฟอาหารไทยมืออาชีพและเชฟอาหารไทยร่วมสมัย ทั่วประเทศ จำนวน 17,000 คน ผ่าน 3 แนวทาง คือ 1. สร้างสรรค์และต่อยอด โดยการใช้ “ความคิดสร้างสรรค์” และ “เทคโนโลยี” เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ 2. โน้มน้าว โดยการจูงใจให้เปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด หรือพฤติกรรมความชอบให้หันมาสนใจอาหารไทยมากขึ้น ผ่านการเล่าเรื่องราวที่มีคุณค่า มีความหมาย และ 3. เผยแพร่ ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เช่น Influencer ซีรีส์ ละครย้อนยุค เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ นำมาสู่การขยายโอกาสทางธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ส่งเสริมให้ Soft Power อาหารไทย ก้าวไปสู่ระดับโลกต่อไป
นอกจากนี้ ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารไทยที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยระบุว่า ในปี 2567 การส่งออกอาหารไทยสร้างรายได้สูงถึง 1.63 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 7.3% จากปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.75 ล้านล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาสินค้าอาหารที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงเพื่อแข่งขันในตลาดโลก นอกจากนี้ ยังเน้นถึงความสำคัญของ Gastronomy Tourism หรือการท่องเที่ยวผ่านประสบการณ์อาหารไทย ที่สามารถเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อน Soft Power ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของการส่งเสริมอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการระดับชุมชน โดยกล่าวเสริมว่า “อาหารไทยไม่ใช่แค่เมนูจานหนึ่ง แต่เป็นเรื่องราวของชาติที่เราสามารถถ่ายทอดให้คนทั่วโลกหลงใหลและอยากสัมผัส”
งานนี้ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในวงการอาหารร่วมแบ่งปันประสบการณ์ โดยมี
คุณอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุดด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “อาหารไทย: พลังแห่งซอฟต์พาวเวอร์สู่เวทีโลก – กลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดสากล” นำเสนอแนวคิดการสร้าง Brand Thailand ผ่านอุตสาหกรรมอาหาร และกลยุทธ์ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้แข็งแกร่งขึ้นในเวทีโลก
นอกจากนี้ นายคิม สเต็ปเป้ ประธานกรรมการบริหารร้านอาหารบลู เอเลเฟ่นท์ ได้ร่วมแบ่งปันมุมมองของทายาทรุ่นที่ 2 ในการขยายธุรกิจร้านอาหารไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สบาย สบาย” ซึ่งประสบความสำเร็จในการขยายสาขาและผลิตภัณฑ์อาหารไทยไปยังตลาดทั่วโลก
ไฮไลท์สำคัญของงานคือการเสวนาในหัวข้อ “Soft Power อาหารไทย: โอกาส ความท้าทาย และอนาคตในมุมมองใหม่ในวงการอาหาร” โดยมีผู้ร่วมเสวนาที่น่าสนใจ ได้แก่ เชฟเนตร
(เนตรอำไพ สาระโกเศศ) Commentator รายการเชฟกระทะเหล็กและเจ้าของร้าน Triplets Brasserie สร้างสรรค์อาหารไทยสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ผสานเทคนิคการปรุงสมัยใหม่ นำเสนอมุมมองเรื่อง “อาหารไทย – อัตลักษณ์และการตีความในมุมมองเชฟรุ่นใหม่”
นายอนุสร ตันเจริญ เจ้าของเพจเฟซบุ๊กและช่อง YouTube “ลุงอ้วน กินกะเที่ยว” มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน แบ่งปันเรื่อง “Storytelling ด้านอาหาร” และ นายฐากูร ชาติสุทธิผล Head of Innovation POS and Merchant Solution (LINE MAN Wongnai) ร่วมแชร์แนวคิดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในธุรกิจอาหาร
ในงานยังมีการจัด Showcase สัมผัสรสชาติอาหารว่างแบบไทย อาทิ ช่อม่วงจากผู้เข้าอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ และเมี่ยงคำกลีบบัวจากร้านภายใต้โครงการ Local Chef พร้อมกับการนำเสนอวิดีโอ 15 Influencer ในแนวคิด “ทำกินได้ ทำขายดี” รวมถึง Soft Power Beyond Food ที่ผสมผสานศิลปะด้านแฟชั่นและดนตรี
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon