มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงกลับมาปิดลบอีกครั้ง จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงกดดันตลาดหุ้น หลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่ออกมาทั้งจำนวนผู้ขอยื่นรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นและดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟียเดือนมี.ค. ที่ขยายตัวลดลงจากเดือนก.พ. บ่งชี้ถึงแนวโน้มตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง ท่ามกลางการตัดสินใจยัง “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.50% ของ Fed และความไม่แน่นอนจากภาษีศุลกากรของปธน. ทรัมป์ ซึ่งนายพาวเวลล์ ประธาน Fed ชี้ว่าหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้ Fed ได้ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อให้สูงขึ้น ขณะที่ คาดการณ์ GDP สหรัฐนั้น Fed ได้มีการปรับลดลงมา ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า Fed จะยังไม่ดำเนินการใดๆ จนกว่าจะเห็นผลกระทบจากแผนการเก็บภาษีของทรัมป์ ที่จะมีผลบังคับใช้กำหนดในวันที่ 2 เม.ย.
การดำเนินงานภายใต้รัฐบาลทรัมป์ยังส่งผลให้
1) หุ้น Accenture ร่วงกว่า 7% หลังบริษัทเผยว่าธุรกิจบริการภาครัฐสูญเสียสัญญาจากรัฐบาลกลางในช่วงที่มีการปรับลดค่าใช้จ่ายในช่วงการบริหารงานของปธน. ทรัมป์
2) ความไม่แน่นอนนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก สอดคล้องกับความเห็นจาก BoE กดดันดัชนี STOXX600 / FTSE100 ปิดลบ และ
3) สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงโรงกลั่น Teapot ของจีนและเรือบรรทุกน้ำมัน กอปรกับ Geopolitics ในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดอีกครั้ง และการที่กลุ่ม OPEC+ ออกกำหนดการใหม่ลดกำลังการผลิตน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ +1.7%
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวบริเวณ 1,175-1,190
โดยเราเชื่อว่าตลาดยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เห็นควรให้ผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เกณฑ์ LTV) โดยประเมินว่าการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จะช่วยประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยบรรเทาปัญหาอุปทานคงค้างที่อยู่ในระดับสูงได้ แต่ ตลาดมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2025 ยังฟื้นตัวได้ไม่ถึงระดับ 3% yoy (เราคาด +2.5% yoy)
เช้านี้ ติดตามรายงานข้อมูลการค้าเดือนก.พ. ของไทย โดย ตลาดคาดว่าตัวเลขส่งออกจะขยายตัว 8.0% yoy (vs. เดือนม.ค. 13.6%) ตัวเลขนำเข้าขยายตัว 5.4% yoy (vs. เดือนม.ค. 7.9%) และไทยจะเกินดุลการค้าที่ 231 ล้านเหรียญสหรัฐ (vs. เดือนม.ค. ขาดดุล 1,880 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ซึ่งเรามองว่าหากไทยยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูงขึ้น ขณะที่สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย อาจทำให้ไทยอาจเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐได้
ประเด็นสำคัญที่ควรติดตามอื่นๆได้แก่
1) จากรายงานข้อมูลของตลาดฯ หลังปิดสมุดทะเบียน (ณ วันที่ 13 มี.ค. 2025) KBANK ถือหุ้นใน GULF จำนวน 77,000,000 หุ้น คิดเป็น 3.25% (อันดับที่ 5)
2) หุ้น GULF-INTUCH จะขึ้น SP (21 มี.ค. – 2 เม.ย. 2025) เพื่อเตรียมการจัดสรรหุ้นสามัญของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ GULF และ INTUCH และการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการนำหุ้นสามัญของบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้หลังการควบรวมหุ้นใหม่ “GULF” จะเข้าเทรดในตลาดฯ วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นไป
• หุ้นแนะนำ
SCB : พอร์ตสินเชื่อบ้านมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ หรือ ราว 32% (4Q24) ซึ่งจะได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนปรน LTV และ เรายังแนะนำ “ซื้อ” SCB เพราะมองว่าอัตราการสำรองหนี้สูญน่าจะลดลงในปี FY25-27
(Take profit : 126.00 / Stop loss : 123.50)
HANA : เก็งกำไรตัวเลขส่งออก-นำเข้าวันนี้ และ เราเชื่อว่าราคาหุ้นในปัจจุบันน่าจะสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่แล้วจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” / แม้ว่าธุรกิจน่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายใน 1H25 แต่เราเริ่มเห็นปัจจัยบวกจากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงผลขาดทุนจาก Powermaster ที่น่าจะลดลงใน 2H25
(Take profit : 17.20 / Stop loss : 16.60)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon