ย้อนรอยSET Index เปิดทำการ 50 ปี ผ่านวิกฤติใหญ่หลายระลอก ยุคอุตสาหกรรมเก่า สู่อุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงความเคลือบแคลงด้านธรรมาภิบาล จนนำไปสู่การค้นหาวิธีการวางโครงสร้างรู้เท่าทันตลาดทุนไทย ทำอย่างไรให้ SET Index ไทยได้เติบโตไปต่ออย่างยั่งยืน
ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ครบอายุ 50 ปี เข้าสู่วัยกลางคน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดทำการตั้งแต่ปี 2518 โดยมีดัชนี SET Index เป็นตัวชี้วัดหลักของตลาดหุ้นไทย การเติบโตอย่างรวดเร็วอยู่ในช่วงปี 2530-2537โดยมีจุดสูงสุด (พีค) SET Index อยู่ที่ 1,789 จุด ในเดือน มกราคม 2537 สอดคล้องกันกับเศรษฐกิจไทยที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ “ยุคโชติช่วงชัชวาล”
จากนั้นไม่นาน ภายในเวลา 5 ปี ต่อมา ตลาดหุ้นไทยตกลงมาจากจุดต่ำสุด
เมื่อเจอกับเกิดวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่ หรือ ต้มยำกุ้ง ในปี 2540 มีการลอยตัวค่าเงินบาท และสถาบันการเงินล้มละลาย วิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามทั่วทั้งเอเชีย ส่งผลให้ดัชนีลดลงอย่างมาก ในปี 2540 ดัชนีลดลงต่ำที่สุด ในเดือนกันยายน 2541 อยู่ที่ 204 จุด ลดลงถึงประมาณ 88.5% จากจุดสูงสุด
ดัชนีตลาดหุ้นเริ่มกลับมาฟื้นตัว ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 จุดพีคเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ 1,589.34 จุด จนกระทั่งโควิดเกิดขึ้นดัชนีร่วงลงต่ำสุดอยู่ที่ 969.08 จุด หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มกลับมาฟื้นตัว
ต้องยอมรับว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวน อ่อนไหวขึ้นและลง ตามสถานการณ์ปัจจัยภายนอก ที่มีเหตุการณ์ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย
“ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร” รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตทล.) เล่าย้อนถึงยุคที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับวิกฤติฟองสบู่ หรือ ต้มยำกุ้ง ตลาดหุ้นไทย ถูกมองในหลายตานักลงทุนต่างชาติ มีความเป็น Crony Capitalism นั่นหมายถึง มีระบบเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจและอย่างใกล้ชิด ในการแสวงหาผลประโยชนจากกลุ่มทุนบางกลุ่ม ไม่เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและเสรี จึงทำให้ถูกเคลือบแคลงถึงหลักธรรมาภิบาล
ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในยุคต้มยำกุ้ง การปล่อยกู้จากสถาบันการเงิน
จนกระทั่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยสั่นคลอนอีกครั้ง เกี่ยวกับข่าวผู้บริหารของบมจ. ที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนระดมทุน ต่างมีวิธีการเข้าข่ายกระทบต่อธรรมาภิบาลต่างกันจนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน อาทิ
- EA (บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด) มีการกล่าวโทษผู้บริหารระดับสูงในกรณีทุจริตการจัดซื้ออุปกรณ์และซอฟต์แวร์สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านบริษัทย่อย
2.STARK (บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น) ถูกกล่าวโทษตกแต่งบัญชี สร้างยอดขายปลอม
3.MoRE (บมจ. มอร์ รีเทิร์น จำกัด) ถูกกล่าวโทษจากกลต.ว่ามีการสร้างราคาหุ้น มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงด้านการเงินและการซื้อขายหลักทรัพย์
ตลท. ต้องการปรับเปลี่ยน ให้ทุกคนมองเห็นว่า ตลาดทุนSET Index คือ จุดที่สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับทุกคน (Make it work for everyone) บริษัทที่จดทะเบียนทั้ง 860 บริษัท จึงต้องมีการวางโครงสร้างพื้นฐานที่ดี มีทั้งภาคบริการ และที่ต่อยอดสร้างธุรกิจให้มีมูลค่า
ESG หมุดหมาย ตลาดทุนไทยเติบโตต่อ
ศรพล มองว่า ตลาดหุ้นไทยครบรอบ 50 ปี ในปี 2568 นี้ ถ้าเป็นคนถือว่าเข้าสู่วัยกลางคน เป็น จุดเปลี่ยน Reform ตัวเอง ที่จะขยายสู่บริษัทใหม่ มีโอกาสเติบโตเข้ามา เช่นเดียวกันกับธุรกิจเก่า ก็อยู่รอดได้โดยการเปลี่ยนผ่านตัวเอง นั่นคือการนำโมเดล ESG (สมดุล สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล” เข้ามาช่วยกำกับดูแล ส่งเสริมตลาดทุนไทยในยุคต่อไ
“แนวคิด ESG และความยั่งยืน มีหลักการคือ ทำอย่างไรให้ตลาดทุนไทยอยู่ยาวนานแตะ 100 ปี หลังจากเกิดในยุคโชติช่วงชัชวาล ถ้า 50 ปี จะเป็นกลางคนแล้วจะไปอย่างยั่งยืน จะกลับมาดูแลสุขภาพ สร้างกรรมดี หาจุดเติบโตต่อไป ซึ่งต้องกลับมาดูที่พื้นฐาน โครงสร้างความเป็นESG ให้กับทั้งการกำกับดูแล และ ภาคธุรกิจ ตลาดหุ้นไทยต้องสร้างโอกาสให้กลุ่มเก่าอยู่รอด กลุ่มใหม่ก็มาเพิ่ม เช่น เทคโนโลยี สุขภาพ จะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย”
หัวใจสำคัญในการพัฒนาต่อไป คือ การหลอมรวมทุกเรื่อง ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเข้ามาอยู่ในกลยุทธ์ธุรกิจ
รองผู้จัดการตลท.มองในเชิงบวก วิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้ ทุกครั้งที่ดัชนีหุ้นไทยร่วงดิ่งลง ล้วนมีพัฒนา กระตุ้นให้ตลาดทุนไทยกลับมาทบทวน โครงสร้างพื้นฐาน จุดแข็งจุดอ่อน เพื่อทำให้ได้เติบโตต่อไป เช่นเดียวกันกับ ตัวเขา วิกฤติต้มยำกุ้ง ทำให้คนที่จบวิศวกร ต้องหักเหไปเป็นนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้วตกงาน จึงเปลี่ยนไปเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะคำพูดของอาจารย์มหาวิทยาลัย และชาวต่างชาติ ที่มีต่อหุ้นไทยที่เคลือบแคลงด้านธรรมาภิบาล ทำให้เขาเริ่มศึกษา ให้รู้จริง นำไปสู่เข้ามาเป็นคนทำงานในตลาดทุนไทย
ปลูกฝัง “ธรรมาภิบาล”
เมื่อบริษัทเข้ามาระดมทุนเริ่มเปลี่ยน ทิศทางธุรกิจโลกเปลี่ยน ก็ต้องปรับระบบนิเวศ (Ecosystem) รองรับกับรูปแบบและธุรกิจที่ต้องการระดมทุน พร้อมกันกับมีระบบจัดการวิธีการที่เข้าข่าย ผิดธรรมาภิบาลให้รวดเร็วขึ้น และมีการชี้วัด บริษัท ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ธรรมาภิบาล ทั้ง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
ตลท. ไดดำเนินมาตรการส่งเสริม ESG (Environmental, Social, Governance) และป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลในตลาดทุนไทย ประกอบด้วย
- พัฒนาแพลตฟอร์ม ESG ได้สร้าง SET ESG Data Platform เพื่อรวบรวมข้อมูลด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนกว่า 860 บริษัท และพัฒนาระบบ SET Carbon เพื่อรวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) เพื่อสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืน.
- ส่งเสริมธรรมาภิบาล มีการยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) โดยร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เช่น สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในตลาดทุน.
- การตรวจสอบภายในและการใช้เทคโนโลยี ผลักดันมาตรฐานการตรวจสอบภายในฉบับใหม่ และนำเทคโนโลยี AI มาช่วยตรวจสอบภายใน เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างความโปร่งใสในองค์กร
- การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืน มีการจัดงานและฟอรั่ม เช่น SET ESG Professionals Forum เพื่อส่งเสริมผู้นำองค์กรให้มีจริยธรรมและวิสัยทัศน์ในการสร้างองค์กรที่ยั่งยืน.
บมจ.ของไทย ที่ที่มีการพัฒนาESG และติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability หรือ DJSI) ในกลุ่ม ท็อป 10% (ตามคะแนน CSA) ของในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด ตามเกณฑ์มาตรฐานสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความยั่งยืนมากที่สุดทั่วโลก มี 14 บริษัท อาทิ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย กลุ่มธุรกิจธนาคาร, บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ภายใต้กลุ่มธุรกิจการจัดจำหน่ายและการค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยและ บมจ.ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) – ภายใต้กลุ่มธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและการค้าปลีก