มิติหุ้น-นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ บล.บียอนด์ จำกัดมหาชน เปิดเผยว่า ธุรกิจหลักของบริษัทคือธุรกิจหลักทรัพย์ รายได้เติบโตต่อเนื่อง บุคลากรเพิ่มขึ้น แตะ 300 คน ขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การแนะนำและการบริหารเพิ่มจาก 4 พันล้าน แตะ 1.4 หมื่นล้านบาท ในช่วง 1 ปี และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นการพัฒนา Platform การลงทุนที่แปลกใหม่ และเป็นผู้นำตลาดต่างจากคู่แข่ง
โครงสร้างรายได้ของบริษัท 50% มาจากธุรกิจ Wealth Management โดยมีผลิตภัณฑ์การลงทุนครบวงจรทั้งในและต่างประเทศครอบคลุมทุกสินทรัพย์
สำหรับการลงทุนใน Thai Smile Bus (TSB) บริษัทได้ให้ยืมเงินราว 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดีได้มีการตั้งสำรองไปแล้วประมาณ 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทยังคงมีฐานะเป็นเจ้าหนี้เงินกู้โดยสมบูรณ์
ปัจจุบันคณะกรรมการบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ของ TSB ว่าจะปรับโครงสร้างทางด้านเงินทุนและธุรกิจอย่างไรซึ่งจะมีความคืบหน้าภายใน ไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
นายจักรกริช กล่าวว่า บริษัทเห็นการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของ TSB โดยจำนวนผู้โดยสารต่อวัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.6 แสนราย ในช่วง มค.67 มาสู่ระดับสูงสุดต่อวันประมาณ 4 แสนราย ในสิ้นปี 67 ขณะที่รายได้จาก บัตรโดยสารและ โฆษณาปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจุดสูงสุดในรอบสามปีที่ 200 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับสาเหตุของการที่BYD ขาดทุนนั้นเกิดจากสาเหตุคือ เป็นปกติของการลงทุนธุรกิจ Mass transit และ Infrastructure ที่ในช่วง 10 ปีแรก จะมีค่าใช้จ่ายรายค่าเสื่อมสูงเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับ BTS ที่ เปิดดำเนินการมาในปี 2542 และรถไฟใต้ดิน ที่เปิดดำเนินการมา ตั้งแต่ปี 2547 ก็มีลักษณะงบกำไรขาดทุนเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารปัจจุบัน 400,000 คน ต่อวัน ถือว่ามาช้ากว่าประมาณการมาก เพราะเดิมทีคาดว่าจำนวนผู้โดยสารที่ 4 แสนคนต่อวันในปีที่ 1 และ 6 แสนคนในปีที่ 3 ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก เส้นทางที่ทับซ้อนกับ ขสมก.
อย่างไรก็ดีเชื่อว่า การเจริญเติบโตหลังจากนี้ จะ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ ขสมก. หยุดบริการเส้นทางทับซ้อนไปแล้วกว่า 80% พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่าจากจำนวนผู้โดยสารต่อวันในกรุงเทพมหานคร 1,000,000 คนต่อวัน ทาง TSB จะมีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 50% ได้โดยไม่ยากนัก ทั้งนี้ปัจจุบัน BTS, BMCL, ขสมก. มีจำนวนผู้โดยสารต่อวันที่ 6.5 แสน, 4.3 แสน และ 5.5 แสน คนต่อวัน ตามลำดับ
บริษัทประกาศขาดทุนเกือบ 5000 ล้านบาท จากการตั้งสำรองไทยสมายล์บัส โดยในช่วงที่ผ่านมาทำให้บริษัทติดเครื่องหมาย CB อย่างไรก็ดีทางคณะกรรมการบริษัทได้มีการประกาศ ลดทุนโดยการลดพาร์ จาก 5 บาท เหลือ 1.25 บาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนลดลงจาก 2.6 หมื่นล้านบาทเหลือประมาณ 6.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางบัญชีไม่มีผลใดๆต่อผู้ถือหุ้น
ขณะที่ส่วนผู้ถือหุ้น ปรับตัวลดลงเหลือ 7.6 พันล้านบาทซึ่งนั่นแสดงว่าส่วนผู้ถือหุ้นได้อยู่สูงกว่าทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว
เมื่อขั้นตอนในการประชุมผู้ถือหุ้นและการแจ้งจดทะเบียนกับสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เสร็จสิ้น เครื่องหมายนี้ก็ก็จะถูกปลดออกไป ซึ่งตามกำหนดการจะต้องใช้งบงบการเงินของปี 2568 ดังนั้นหากเป็นไปตามคาดการณ์เครื่องหมายนี้ก็จะถูกปลดลงไปประมาณกลางปีหน้า
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon