มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 4 จุด (+0.01%) ขณะที่ประเมินตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯและยังคาดหวังว่าทรัมป์จะยืดหยุ่นในมาตรการภาษีนำเข้ากับประเทศต่างๆ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.03% หลังมีรายงานว่ารัสเซียและยูเครนได้ตกลงที่จะยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB) ที่ 92.9 ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 94.2 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เพราะผู้บริโภคมีมุมมองต่อสภาพธุรกิจปัจจุบันค่อนข้างย่ำแย่รวมไปถึงโอกาสในการได้งานทำก็ลดลงต่ำเช่นกัน สอดคล้องกับความเชื่อมั่นด้านรายได้ที่ลดลง สะท้อนถึงความกังวลเศรษฐกิจและตลาดแรงงานเริ่มส่งผลต่อสถานการณ์ส่วนตัวและเมื่อพิจารณาไปยังอนาคตเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายบ้านและรถยนต์ลดลง แต่ที่น่าสนใจคือแม้กังวลต่อทิศทางอนาคตแต่สินค้าราคาสูงเช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์กลับเพิ่มขึ้น แต่อาจเกิดจากมุมมองที่จะเร่งซื้อสินค้าก่อนราคาจะสูงขึ้นจากการขึ้นภาษี สำหรับนโยบายภาครัฐผู้บริโภคยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและนโยบายการค้า ขณะเดียวกันได้รายงานยอดขายบ้านมือหนึ่งที่ระดับ 6.76 แสนหลังคาเรือนต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 6.82 แสนหลังคาเรือน
โดยรวมตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างย่ำแย่กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลงและเป็นบวกกับทองคำ ระยะสั้นอาจหนุนตลาดหุ้นเอเชียจากการอ่อนค่าของ Dollar Index ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ SET INDEX ยังคงอ่อนแรงปิดลบ (-0.4%) เผชิญแรงขายสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติ 2.7 พันล้านบาทยังคงเป็นภาวะที่ไร้ปัจจัยใหม่และมีแรงกดดันเล็กน้อยจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ วานนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า 1 ม.ค. – 23 มี.ค. สะสมที่ 8.88 ล้านราย (+2.9%YoY) และหากเทียบกับสัปดาห์ก่อน -7%WoW โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซีย (-6.8%WoW) นักท่องเที่ยวจีน (-4.3%WoW) การขยายตัวเพียง 3%YoY ถือว่าค่อนข้างต่ำและอาจสร้างแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามมีข่าวบวกระยะสั้นจากการประกาศซื้อหุ้นคืนของ HMPRO วงเงินรวม 7 พันล้านบาทตั้งเป้าจะซื้อหุ้นคืน 800 ล้านหุ้นระยะเวลา 1 เม.ย. – 30 ก.ย. ระยะสั้นประเมินเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาหุ้น วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1175 – 1195 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นย้ำถึงการเลือกหุ้นเป็นรายตัวในตัวที่มีความสามารถในการแข่งขันและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพร้อมกับราคาหุ้นไม่แพงและมีระดับปันผลน่าสนใจประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) การเงิน (MTC TIDLOR) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) ส่งออก (ITC TU) โดยคืนนี้รอติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงทน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ -1.1%MoM
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 172.00 บาท)
แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยลดลงส่งผลให้ NIM อ่อนตัวลง และทำให้กำไรสุทธิใรปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตชะลอตัว เรามองว่า BBL มีงบดุลแข็งแกร่ง และ Valuation ที่ไม่แพงซื้อขายที่ 0.5x PBV’25E หากเทียบกับความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ราว 5.8% ในปี 2025 แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 1Q25 เราคาดกำไรสุทธิที่ 11.8
พันล้านบาท (+12% YoY, +13% QoQ)
HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท)
ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากการประกาศซื้อหุ้นคืนของบริษัท วงเงินรวม 7 พันล้านบาท ในขณะที่ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวจากการเข้าถึงลูกค้าแบบเชิงรุกผ่านการบริการ Home Service และการใช้โมเดล Hybrid store ที่สามารถสร้างการเติบโตและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีในเวลาเดียวกัน แม้ว่าระยะสั้นการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ HomePro และ Mega Home ช่วง QTD ของ 1Q25 ที่ -2% ถึง -4% YoY ผลจากการได้รับประโยชน์จากมาตรการ Easy E-Receipt ที่ลดลง และจำนวนวันของเดือนก.พ. 2025 ที่น้อยกว่าปีก่อน 1 วัน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon