CGSI : Trend Spotter

25

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ก่อน ปธน. ทรัมป์จะประกาศเกี่ยวกับนโยบายการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐเมื่อวานนี้ (2 เม.ย.) อย่างรายงานตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจาก ADP เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.55 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.18 แสนตำแหน่ง (vs. เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 84,000 ตำแหน่ง)

พรุ่งนี้ (4 เม.ย.) จับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ ประธาน Fed และรายงานตัวเลขภาคตลาดแรงงานสหรัฐ เพื่อหาแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐและการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed หลังล่าสุด ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งใช้ Reciprocal Tariffs และ Universal Tariffs เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Fed ปรับประมาณการณ์เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลว่าอาจนำไปสู่สงครามการค้าซึ่งกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก (ดัชนี FTSE100 -0.3%, STOXX600 -0.5%) ทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างบอนด์ยีลด์สหรัฐอ่อนตัว ราคาทองคำ +0.6% รวมถึงดัชนี DJIA Futures ร่วงลงกว่า 1,000 จุด และราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงกว่า 3.3% ในเช้านี้ (3 เม.ย.)

• SET Index :
เราคาดว่า SET Index จะปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นโลก มองแนวรับแรกที่ 1,150 จุดและ แนวรับที่สองที่ 1,135 จุด หลังตลาดเผชิญแรงกดดันหลังทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% จากทุกประเทศ มีผลบังคับใช้ 5 เม.ย. และไทยโดนเรียกเก็บ Reciprocal Tariffs ที่ฐานภาษีระดับสูงถึง 36% สูงกว่าที่เราและตลาดคาด

ทั้งนี้ สหรัฐได้ประกาศเก็บภาษีตอบโต้เพิ่มเติมกับเกือบ 60 ประเทศคู่ค้า นำโดยกัมพูชาอัตรา 49%, เวียดนาม 46%, ไทย 36%, จีน 34%, ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย 32%, สวิตเซอร์แลนด์ 31%, อินเดีย 26%, เกาหลีใต้ 25%, ญี่ปุ่น และ มาเลเซี 24%, EU 20%, UK 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า (9 เม.ย.)

รัฐบาลไทยคาดว่าภาษีตอบโต้จากสหรัฐนี้จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย 7-8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 13-15% ของการส่งออกจากไทยไปสหรัฐ (2.3% ของการส่งออกไทยปี 2024) ซึ่งหากการส่งออกและนำเข้าทั้งหมดของไทยลดลง 10% yoy ในปี 2025 เราคาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบที่ประมาณ 0.5% ของ GDP อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่ลดลงอาจส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนลดลงไปด้วย เราจึงประมารการว่าผลกระทบสุทธิจากมาตรการภาษีของสหรัฐอาจอยู่ที่ประมาณ 0.9-1.2% ของ GDP

สำหรับประเด็นในประเทศ หุ้นใหม่ “GULF” จะเริ่มซื้อขายในตลท. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังตลท. เพิกถอน GULFI และ INTUCH มีผล 1 เม.ย. ภายหลังการควบรวมกิจการเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยจากประมาณการของเรา GULF 1 บาท จะกระทบดัชนี SET 1.4 จุด

เราคงคำแนะนำหุ้น Domestic Play ในกลุ่ม Defensive และ High yield เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของปัจจัยต่างประเทศ (ภาษีสินค้านำเข้าที่กดดันหุ้นกลุ่มส่งออก, จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นกลุ่มพลังงานจากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลงจากความกังวลว่าสงครามการค้าอาจทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลง) ทั้งนี้ เรามองว่า HANA จะได้รับผลกระทบน้อยสุดเมื่อเทียบกับ DELTA และ KCE เนื่องจากสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ได้รับการยกเว้นเรียกเก็บภาษีนำเข้าในการประกาศครั้งนี้

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มแบงก์, ไฟแนนซ์ รวมถึงโทรคมนาคมไทยที่คาดว่าจะมีการจัดประมูลคลื่นความถี่ในเดือนนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีในครั้งนี้เช่นกัน

• หุ้นแนะนำ
GULF : เรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นใหม่ GULF ที่จะกลับเข้ามาเทรดวันนี้เป็นวันแรก หลังจาก SP 21 มี.ค. – 2 เม.ย.และเพิกถอนหุ้น GULFI – INTUCH มีผล 1 เม.ย. ภายหลังการควบรวมกิจการเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้น

(Take profit : 52.50 / Stop loss : 45.00)

BDMS : ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศต่างๆ ขณะที่ยังขาดปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เราคงคำแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัย

(Take profit : 23.4 / Stop loss : 22.1)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon