TEGH ยืนยัน! ไม่ได้รับผลกระทบสหรัฐฯ ขึ้นภาษีส่งออกยางแท่ง ชี้เป็นสินค้าในรายการที่ได้รับยกเว้นการเก็บภาษีเพิ่มเติม ลุยขยายตลาดอินเดีย-จีน

34

มิติหุ้น – ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ยืนยัน มาตรการ “Reciprocal Tariffs” ของสหรัฐฯ ไม่ส่งผลกระทบการส่งออกยางแท่งของบริษัท เพราะอยู่ในรายการสินค้าที่ได้รับการยกเว้นจากการเก็บภาษีเพิ่มเติม ฟากแม่ทัพหญิง “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ระบุบริษัทฯ ไม่ได้พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงอย่างเดียว ล่าสุดเดินหน้ารุกขยายตลาดอินเดีย-จีน

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนประเภทพลังงานชีวภาพและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจรรายใหญ่ในพื้นที่ EEC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยืนยันว่า มาตรการ “Reciprocal Tariffs” ของสหรัฐอเมริกาที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2568 นี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ายางพาราของ TEGH โดยเฉพาะยางแท่ง (Technically Specified Natural Rubber – TSNR) ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่ส่งไปยังตลาดสหรัฐฯ

ทั้งนี้ อ้างอิงข้อมูลจากประกาศอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาวสหรัฐฯ (White House) ที่ระบุในคำสั่งประธานาธิบดี (Executive Order) ลงวันที่ 2 เมษายน 2568 และภาคผนวกที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้ สินค้ายางล้อรถยนต์จะมีรายชื่ออยู่ในสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ “Reciprocal Tariffs” แต่ สินค้า Harmonized Tariff Schedule of the United States (HTSUS) Code 40011000 และ 40012200 ซึ่งครอบคลุมยางพาราในรูปแบบน้ำยางธรรมชาติ (Natural Rubber Latex) และยางแท่ง (Technically Specified Natural Rubber – TSNR) ซึ่งอยู่ในรายการสินค้าที่ได้รับการยกเว้นจากการเก็บภาษีเพิ่มเติมตามคำสั่งฯ (อ้างอิง Annex II) และ สหรัฐฯ ยังคงไว้ซึ่งสถานะการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้ายางแท่ง และยังไม่มีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม

ขณะที่ทางบริษัทฯ มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและมีแผนกระจายความเสี่ยงแล้วตั้งแต่แรก โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้าผู้ผลิตยางล้อรถยนต์กระจายอยู่ทุกทวีปทั่วโลกซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ  และ ณ ปัจจุบันยังมีแผนที่จะรุกขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศอินเดียและจีนมากขึ้น

“ยืนยันว่า การส่งออกสินค้ายางแท่งของบริษัทฯ ไปยังสหรัฐฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตราการขึ้นภาษี “Reciprocal Tariffs” ในครั้งนี้แต่อย่างใด เนื่องจากยางแท่งเป็นอยู่ในรายชื่อสินค้าที่ได้รับการยกเว้น และเรามีฐานลูกค้าทั่วทุกทวีป ขณะเดียวกัน อุปสงค์ของ EUDR ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อผลบริษัทในปีนี้ทั้งในเชิงของปริมาณขายและอัตรากำไร ส่วนธุรกิจปาล์มน้ำมันจะสามารถเทิร์นอะราวด์ได้ในปีนี้จากปัจจัยการลงทุนเครื่องจักรไปในปี 2567 และผลผลิตปาล์มที่จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจะสภาวะเอลนีโญ รวมถึงสายพลังงานที่จะเติบโตได้ตามแผนในปีนี้ เราจึงมั่นใจในศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” กรรมการผู้จัดการ TEGH กล่าวในที่สุด

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon