Pi Daily สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีจากจีนเป็น 104% กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง ยังแนะไม่เร่งร้อนลงทุน

21

มิติหุ้น – Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 320 จุด (-0.84%) ในช่วงแรกตลาดหุ้นสหรัฐฯเปิดตัวแดนบวกอย่างแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นพบว่าสหรัฐฯประกาศจะขึ้นภาษีจากจีนในอัตรา 104% กดดันตลาดหุ้นพักตัวลงมา ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.2% กังวลอุปสงค์จะหายไปจากสงครามการค้า

เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของฝั่งสหรัฐฯ นักลงทุนยังคงกังวลกับปัจจัยด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ ล่าสุดสหรัฐฯได้ประกาศขึ้นภาษีจากจีนเป็น 104% มีผลทันทีในวันนี้เหตุผลจีนไม่ยอมถอนมาตรการตอบโต้ภาษี ทำให้เมื่อคืนเม็ดเงินถูกโยกเข้าไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย สะท้อนผ่านการปรับลงของ US Bond Yield อย่างไรก็ตามกับราคาทองคำปรับลงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าปรับลงตามตลาดหุ้นจากการลดความเสี่ยง ข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือในช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงแรงพบว่าราคาทองคำก็ปรับลงเช่นกัน บ่งชี้ว่าหากตลาดหุ้นปรับลงแรงทองคำแม้จะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยก็จะปรับลงเช่นกัน อาจสะท้อนว่าช่วงที่ Panic ของนักลงทุนอาจไม่เลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง จากนี้รอติดตามการตอบโต้ของจีนที่มีโอกาสเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะงวดก่อนหลังจากสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน จีนก็ประกาศขึ้นจากสหรัฐฯเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องเผชิญจากนี้ก็คือการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจทั้งโลกและกำไรบริษัทจดทะเบียนหรืออาจรวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ล่าสุด Bloomberg Consensus ให้โอกาสที่จะเกิดภาวะถดถอยในสหรัฐฯราว 30% เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่ 20%

นอกจากนี้แล้วในช่วงที่ระหว่างแต่ละประเทศกำลังเดินเข้าเจรจากับสหรัฐฯ เชื่อว่าผู้ประกอบการทั้งโลกจะหยุดนิ่งไม่ลงทุน ไม่จ้างงาน เพื่อรอความชัดเจน (กดดันเศรษฐกิจโลก) สำหรับในประเทศวานนี้ SET INDEX ปรับลงมา 4.5% รับแรงกดดันจากช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการในวันจันทร์โดยวันจันทร์หลายๆประเทศก็ปรับตัวลง สำหรับทีท่าของรัฐบาลไทยวานนี้ออกมาแถลงเกี่ยวกับการรับมือเรื่องการค้า ซึ่งจะเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯมากขึ้นเน้นสินค้าที่ประเทศไทยมีความต้องการใช้ในประเทศ เช่นสินค้าเกษตร เครื่องในสุกร รวมถึงสินค้าพลังงานเช่นแก๊สที่ต้นทุนต่ำ ยกเลิกมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีเพื่ออำนวยการค้าสหรัฐฯมากขึ้น ให้ความสำคัญกำการคัดถิ่นกำเนิดที่มาใช้ไทยเป็นแหล่งกำเนิดสินค้าสุดท้ายสนับสนุนเอกชนไทยไปลงทุนในสหรัฐฯ โดยระบุว่าจะเตรียมไปเจรจาเร็วๆนี้แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่แน่นอน ปัจจัยข้างต้นมองเป็นกลางๆเพราะยังเชื่อว่าการเจรจาใช้ระยะเวลาและสหรัฐฯอยู่ในช่วงต่อรองกับหลายๆประเทศ วันนี้ประเมิน SET INDEX เสี่ยงปรับตัวลงในกรอบ 1050 – 1080 รับแรงกดดันจากสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีจากจีนมากขึ้น ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่เร่งร้อนเข้าลงทุนแม้หุ้นไทยจะถูกก็ตามเพราะไม่มีปัจัยหนุนชัดเจนและยังเสี่ยงจะปรับลงได้อีกตามปัจจัยกดดันการค้าและการปรับประมาณการเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะกลาง – ยาว หากประสงค์จะลงทุนอาจเลือกสะสมบางส่วนในหุ้นพื้นฐานดีที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) ศูนย์การค้า (CPN) โรงพยาบาล (BDMS)

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท)
ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 1Q25 ที่คาดว่าจะสูงถึงระดับ 7,078 ล้านบาท (+514%YoY,+70%QoQ) จากผลดีของราคาเนื้อสุกรที่ไทยและเวียดนามที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งผลดีดังกล่าวยังคงเห็นต่อเนื่องมาถึงช่วง 2Q25 นี้ ขณะที่ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เบื้องต้นทาง CPF มีการขายไปยังสหรัฐฯ ไม่มากนัก มีสัดส่วนไม่ถึง 2% ของรายได้รวม

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
ประกาศกำไรสุทธิ 4Q24 สูงที่ 4.3 พันล้านบาท (+9% YoY, +2% QoQ) หนุนกำไรสุทธิปี 2024 เติบโตอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+11% YoY) เป็นไปตามทิศทางเดียวกับที่เราและตลาดคาด สำหรับในปี 2025 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องหนุนจาก 1) แผนขยายจำนวนโรงพยบาลและเตียงผู้ป่วย และ 2) การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon