ตั้งรับ 90 วัน ก่อน “ทรัมป์” ขึ้นภาษี

140

มิติหุ้น – หลังสหรัฐประกาศการเลื่อนจัดเก็บภาษีนำเข้าออกไป 90 วัน ทำเอาตลาดหุ้นตลาดทุนทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งดูได้จากการรีดภาษีจีนพุ่งพรวดไป 145% ทำให้เห็นได้ว่าความไม่แน่นอนยังมีอยู่ และไม่รู้ว่าหากรายใดไม่เปิดโต๊ะเจรจาก็อาจเดินทางตามพี่จีน โดยขึ้นภาษียับๆ แน่นอน จากนี้ไปคงต้องเร่งมืออย่างเต็มที่ และใช้ระยะเวลา 90 วันให้คุ้มค่า ในการตั้งรับกับเรื่องนี้

กระทบยันรากหญ้า

หากพ้น 90 วันการเจรจาต่อรองไม่เป็นผล การเก็บภาษีนำเข้าพุ่งสู่ระดับ 36% จะส่งผลกระทบต่อรากหญ้าของไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม สิ่งทอ และการผลิตขนาดเล็ก ที่ยังต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ เพื่อหารายได้ หากภาษีเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้สินค้าของไทยมีราคาแพงขึ้นอาจทำให้ความต้องการลดลง และผลกระทบชัดเจน คือ เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็กมีรายได้ลดลง การสูญเสียงานในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และการลงทุนในพื้นที่ชนบทลดลงเนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาด ทำให้ความ เหลื่อมล้ำ ทางเศรษฐกิจขยายกว้างขึ้น ผลกระทบเหล่านี้อาจทำให้การพัฒนาในท้องถิ่นล่าช้าลง และเพิ่มความยากลำบากทางการเงินให้กับประชากรที่เปราะบางที่สุดของประเทศไทย

ทรัมป์ต้องการอะไร?

สำหรับมุมองของ ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ออกมาระบุว่า อยากชวนวิเคราะห์ว่า ทรัมป์ต้องการอะไรกันแน่ และทรัมป์ต้องการอะไรจากเรา? โดยสหรัฐต้องการลดการพึ่งพาจีน และพันธมิตรที่ไม่แท้จริงของสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าปัญหานี้เป็นระยะยาว หากไม่ทำอะไรผลิตภาพของสหรัฐฯ จะถดถอย รวมทั้งยังมองว่าระบบการค้ามีความไม่เป็นธรรม โดยอ้างอิงจากรายงาน “อุปสรรคการค้าต่างประเทศ” ของ USTR ซึ่ง ระบุว่าหลายประเทศเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราสูง

ทั้งนี้ความตั้งใจการรีดภาษีคงนำรายได้จากภาษีมาลดหนี้สาธารณะ และเตรียมแผนลดภาษีภายในประเทศของสหรัฐ สำหรับทางออกของสงครามการค้าของไทยนั้น คงต้องลดภาษีนำเข้าสหรัฐ ยกเลิกมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี และหยุดแทรกแซงค่าเงินบาท รวมทั้งนำเข้าสินค้าจากสหรัฐให้มากขึ้น ควบคู่การลงทุนในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ไทยรอดการรีดภาษีในรอบนี้

ตั้งทีมรุกเจรจา

การเจรจาต่อรองกับสหรัฐถือเป็นหัวใจสำคัญในครั้งนี้ เตรียมพร้อมข้อเสนอ ทุกอย่างจะต้องจบครบตอบโจทย์ โดยที่ไทยต้องไม่เสียเหลี่ยม เสียประโยชน์มากจนเกินรับได้ ซึ่งหัวหน้าทัพในการเจรจากับสหรัฐ คือ ท่านพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ซึ่งโจทย์ใหญ่ที่สุดในการเจรจาครั้งนี้คือการปรับช่องว่างดุลการค้า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านแผน 5 ธงหลักๆ ที่วางไว้เน้นต่อรอง

ขณะที่ด้านอดีตนายกฯ อย่าง “ลุงโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า การเจรจาต่อรอง “ทีมไทยแลนด์” ควรต้องหารือข้อสรุปภายในประเทศ และเมื่อไปเจรจาไม่ต้องไปเยอะ คือคุยกันให้ตกผลึกทางความคิดแล้วค่อยไปต่อรอง

จากนี้ประเทศไทยคงได้แต่เพียงหวังว่าทีมไทยแลนด์สามารถต่อรองเจรจากำแพงภาษีของสหรัฐได้ในระดับหนึ่ง เพราะถ้าหากปรับไปถึง 36% คงเป็นเรื่องยากต่อการส่งออกไปยังสหรัฐ และคงต้องรีบหาตลาดใหม่ทดแทนโดยเร็ว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon