คอลลิเออร์ส  ท็อป 6 อสังหาฯชั้นนำ ปิดรอยร้าวตึกสูงแสนล.

450

สำรวจแบรนด์อสังหาฯในใจ ปิดร่องรอยร้าวคอนโดสั่นไหวหลัง ”แผ่นดินไหว” หนักหน่วงในกทม. ผู้พัฒนาโครงการต่างรุดเข้าไปตรวจสอบอาคารที่มีผู้อยู่อาศัยแล้ว และอาคารสร้างใหม่  โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมสูง (Hi-Rise) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย

ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร  คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ประเมินเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนหลายคอนโดมิเนียมตึกสูงทั่วเมืองหลวง ในสภาะที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมสูง (Hi-Rise)  พื้นที่ได้รับผลกระทบและมีความเสี่ยงสูงกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป ทำให้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่าโครงการกว่าแสนล้านต่างต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และออกมาตรการอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ในอนาคต 

ทำให้นักพัฒนาอสังหาฯหลายแบรนด์ที่เป็นบริษัทมหาชนแบรนด์ชั้นนำ จึงเข้าไปตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างอาคารอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าคอนโดมิเนียมทุกยูนิตได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในระดับที่ปลอดภัย พร้อมกับประเมินสภาพของโครงสร้างอาคารโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ และการตรวจสอบระบบต่างๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา รวมถึงการตรวจสอบความแข็งแรงของวัสดุก่อสร้างที่อาจได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน คอลลิเออร์ส์ฯ จึงลิสต์รายชื่ออสังหาฯ ที่ทำงานเชิงรุก สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่อยู่อาศัยในโครงการหลังเกิดเหตุการณ์ได้รวดเร็วเป็นแบรนด์ที่พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ได้รับการยอมรับในการจัดการวิกฤติ สร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยและนักลงทุน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงหลายรายสามารถจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ มีมาตรการตรวจสอบโครงสร้างอาคารทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ เพื่อประเมินความปลอดภัยและดำเนินการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย 

 

1.บริษัท แอลพีเอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN  

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผู้พัฒนามีได้รับคำชื่นชมมากที่สุด หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งที่ผ่านมาในเรื่องของคุณภาพการก่อสร้างอาคารที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยเป็นอย่างมาก หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา เข้าไปดำเนินการตรวจสอบโครงการอาคารทุกแห่งอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยการตรวจสอบดังกล่าวครอบคลุมโครงการทั้งหมด 53 โครงการมูลค่าโครงการรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรที่บริษัทพัฒนาและดูแลอยู่

 

2.บริษัท .แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  หรือ SIRI 

ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ภายหลังจากสำรวจสภาพอาคารภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว โครงการคอนโดมิเนียมตึกสูง ( Hi-Rise) ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย หลังจากตรวจสอบความเสียหายผลกระทบอย่างละเอียด โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัย รับรองว่าตึกไม่ได้รับผลกระทบสามารถอยู่อาศัยได้ ทำให้ลูกบ้านสบายใจ ก่อนส่งมอบให้เข้าอยู่ได้อย่างรวดเร็วทั้งหมดเกือบ 200 โครงการ  มูลค่ารวมกว่า 250,000 ล้านบาท

 และในกรณีที่ลูกบ้านมีข้อสงสัยยังเพิ่มช่องทางการติดต่อสำหรับลูกค้าทุกคนสามารถสอบถามและรายงานปัญหาที่พบได้โดยตรง

3.บริษัท  ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)  หรือ SPALI

ถือว่าเป็นผู้พัฒนารายแรก ที่ใช้มาตรการเชิงรุกเข้าตรวจสอบทุกอาคาร ในทุกโครงการ ตั้งแต่หลังวันเกิดเหตุตรวจสอบรับรองได้รวดเร็ว โดยมีผู้บริหาร ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ นำทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งโครงการที่เสร็จสิ้นแล้วและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวม 80 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ใช้เวลาตรวจสอบทุกโครงการอย่างรวดเร็ว เสร็จสิ้นได้ภายใน 2 วันหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว พร้อมกันกับรายงานผลการตรวจสอบครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างอาคาร ฐานราก เสา คาน ผนัง และระบบต่างๆ ภายในอาคาร  เช่น ไฟฟ้าและน้ำ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย 

บริษัทฯ ยังได้เปิดช่องทางการสื่อสารเพื่อให้ลูกบ้าน สอบถามข้อมูลสถานะของอาคารได้สะดวก พร้อมทั้งจัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลและอัปเดตผลการตรวจสอบ ความรับผิดชอบและการใส่ใจในความปลอดภัย เป็นมาตรการเชิงรุก มุ่งเน้นที่การตรรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างอาคารสูงในทุกโครงการอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยให้ความไว้วางใจในแบรนด์ ทำให้เป็นอสังหาฯ ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 36 ปี 

 

4.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  หรือ PSH 

 มีมาตรการตรวจสอบในทุกอาคารที่มีความสูง โดยเฉพาะในโครงการคอนโดมิเนียมที่เสร็จสิ้นการขายแล้ว ได้ส่งทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างไปตรวจสอบทันที  สิ่งที่ให้ความสำคัญ คือการรับฟังความคิดเห็น และข้อกังวลใจของลูกบ้าน จึงเปิดให้คำปรึกษาและชี้แจงข้อมูลที่ชัดเจนแก่ผู้อาศัย และลูกค้า สิ่งที่จะต้องยืนยันและสื่อสารออกไปให้ชัดเจนคือการวางแผนออกแบบ และก่อสร้างตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อรองรับเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว

 

5.บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  หรือ AP  

ถือว่าเป็นหนึ่งผู้พัฒนาที่ถูกพูดถึงมากที่สุดหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมหลายอาคารของเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  ได้รับผลกระทบมีสภาพความเสียหายเกิดรอยร้าว และมีภาพเหตุการณ์สะเทือนส่งต่อในโลกโซเชียลจำนวนมาก อาทิ ภาพของสระน้ำบนดาดฟ้าที่ล้นเอ่อมาบนตึกสูง จนเกิดการแชร์กันในโลกออนไลน์และถูกคอมเมนท์อย่างหนักหน่วง 

AP จึงเร่งสร้างความมั่นใจโดยการส่งผู้บริหาร หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยจัดตั้งทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญร่วมกับคณะอาจารย์จากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง เพื่อเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารอย่างละเอียดและได้ตรวจสอบคอนโดมิเนียมทั้งหมด 82 โครงการ มูลค่าราว 150,000 ล้านบาท ทั้งโครงการที่มีผู้อยู่อาศัยและไม่มีผู้อยู่อาศัย มีการจัดทำเอกสารรับรองการตรวจสอบอาคารที่ออกโดยผู้เชี่ยวชาญ และนำส่งให้กับนิติบุคคลในแต่ละโครงการภายในวันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อยืนยันถึงความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร และสร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย 

​นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดช่องทางการสื่อสารผ่านการตรวจสอบเข้าระบบของกรุงเทพมหานคร และเปิดให้ลูกบ้านตรวจสอบสถานะความปลอดภัยของอาคารพักอาศัยผ่านระบบ “Building Inspection Dashboard” ของ กทม. เพื่อให้ลูกบ้านได้รับข้อมูลที่โปร่งใสและมั่นใจในความปลอดภัยของที่อยู่อาศัย

 

  1. บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI 

ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารในโครงการทั้งหมดหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารภายนอกของโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 87 โครงการ มูลค่าโครงการราว 200,000 ล้านบาท พบว่าโครงสร้างหลักของอาคารทุกโครงการยังคงแข็งแรงและปลอดภัยดี ​

สำหรับโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแยกตัวของสะพานทางเชื่อมระหว่างอาคาร บริษัทฯ ได้จัดทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าโครงสร้างหลักของอาคารยังคงแข็งแรงและปลอดภัย ส่วนที่ได้รับความเสียหายเป็นเพียงวัสดุตกแต่งของสะพานทางเชื่อมเท่านั้น ​

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือลูกค้าฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกบ้านสามารถติดต่อสอบถามและแจ้งปัญหาได้ตลอดเวลา และเตรียมประชุมร่วมกับบริษัทประกันภัยเพื่อสำรวจห้องพักของลูกบ้านที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติม โดยทีมวิศวกรจะเข้าตรวจสอบโครงการทั้งหมด 87 โครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเร็วที่สุด

 

แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเหล่านี้ ได้รับการยอมรับในด้านการบริหารจัดการวิกฤติ สิ่งที่ตรงกันและทำให้จัดการปัญหาได้ทันท่วงที คือ ผู้พัฒนาที่อยู่ในตลาดมานานและ จะมีบริษัทที่มี บริษัทนิติบุคคล เพื่อดูแลพัฒนาโครงการภายหลังการขาย วิธีการที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกบ้านที่สุด คือการส่งทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารอย่างละเอียด พร้อมทั้งเปิดช่องทางสื่อสารให้ลูกบ้านสามารถสอบถามข้อมูลและรายงานปัญหาได้โดยตรง และสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ หากพัฒนาโครงการขึ้นอีกระดับโดยการมีโครงสร้างรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว การปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจสอบอาคาร

การจัดการวิกฤติอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยลดความเสียหาย แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค และสามารถรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจในระยะยาว

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon