Pi Daily ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 155 จุด (-0.38%) ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนของภาษีศุลกาการ Trump ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.3% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนมาตรการภาษี

22

มิติหุ้น – ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯเป็น 125% จากเดิมที่ระดับ 84% แต่อย่างไรก็ตามในช่วงวันหยุดสงกรานต์สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักได้ออกมารายงานว่าสหรัฐฯชะลอการเก็บภาษีสินค้าจำพวกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ Smart Phone แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทรัมป์ก็ได้ออกมาระบุว่าการยกเว้นภาษีข้างต้นเป็นเพียงชั่วคราว พร้อมกับสร้างความสับสนให้กับตลาด ทำให้ท้ายที่สุดแล้ววันจันทร์ตลาดหุ้น Dow Jones ราคาเปิดใกล้เคียงกับราคาปิด สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุน โดยพบว่าเงินยังคงไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ Bond , ทองคำ โดยที่ค่าเงิน Dollar สหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง สะท้อนมุมมองเชิงลบเกี่ยวกับสหรัฐฯ ด้วยปัจจัยทั้งหมดทั้งปวงแล้วน่าจะทำให้ตลาดหุ้นยังมี Upside จำกัด โดย SET INDEX อาจได้จิตวิทยาเชิงบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงวันหยุดสงกรานต์ แต่ก็อาจยังไปได้ไม่ไกลมากนักเพราะยังต้องรอความชัดเจนจากนโยบายภาษีและผลประกอบการ 1Q25 ที่จะทยอยรายงานออกมาหลังจากนี้ สัปดาห์นี้ปัจจัยติดตามได้แก่ (1) ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.4%MoM (2) การแถลงของประธาน FED ในคืนวันพฤหัสบดี (12.30 AM) และสุดท้ายผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯในช่วง 19.30 วันพฤหัสบดี ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.25 แสนราย

โดยปัจจัยด้านดอกเบี้ยพบว่า CME FED Watch ประเมินว่า FED จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ หากส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อเนื่องประเมินเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาด แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยที่สำคัญกว่าทิศทางดอกเบี้ยก็คือการค้าสหรัฐฯกับนานาประเทศ ตราบใดที่สงครามการค้ายังดำเนินต่อไปจะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและกำไรบริษัทจดทะเบียนหรืออาจถึงขั้นเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะหดตัวก็เป็นไปได้ ด้านปัจจัยในประเทศกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 7 – 13 เม.ย. ที่ 6.6 แสนคน (+10.7%WoW) อย่างไรก็ตามหากพิจารณาตั้งแต่ YTD อยู่ที่ 10.7 ล้านราย (+0.9%YoY) ค่อนข้างต่ำและเสี่ยงจะต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์กันที่ 38 – 39 ล้านคน สร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1090 – 1150 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่เร่งร้อนเข้าลงทุนในระยะสั้นเพราะยังเผชิญกับความเสี่ยงที่มิอาจคาดเดาได้ สะท้อนผ่านราคาทองคำวิ่งขึ้นทำ ATH เช้านี้ ขณะที่ปัจจัยด้านภาษีก็กลับไปกลับมาและอาจเห็นการตอบโต้ไปมาระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ เพิ่มความเสี่ยงกับเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะกลาง – ยาว อาจเลือกสะสมบางส่วนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) โรงพยาบาล (BDMS)

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท)
ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 1Q25 ที่คาดว่าจะสูงถึงระดับ 7,078 ล้านบาท (+514%YoY,+70%QoQ) จากผลดีของราคาเนื้อสุกรที่ไทยและเวียดนามที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งผลดีดังกล่าวยังคงเห็นต่อเนื่องมาถึงช่วง 2Q25 นี้ ขณะที่ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เบื้องต้นทาง CPF มีการขายไปยังสหรัฐฯ ไม่มากนัก มีสัดส่วนไม่ถึง 2% ของรายได้รวม

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
มีกำหนดเปิดโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ Samitivej International Children (111 เตียง) ใน 1Q25, Bangkok Chiangmai (90 เตียง) และ Phayathai Bowin (220 เตียง) ขณะเดียวกันผู้บริหารตั้งเป้าขยายรายได้ใน 1H25 สูงขึ้นที่ 7-8% YoY โดยดัน EBITDA Margin อยู่ที่ 24-25% สูงขึ้นกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ +1 ppts

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon