แม้ว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะมีการเติบโตในระดับหนึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่สถานการณ์ในอนาคตยังมีความไม่แน่นอน การเติบโตที่เพิ่มขึ้นของอัตราการท่องเที่ยไทยยังขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน และทิศทางการท่องเที่ยวระดับโลก
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจากวันที่ 7 ถึง 13 เมษายน 2568 ประเทศไทยมีจำนวนผู้เข้าชมจากต่างประเทศอยู่ที่ 666,180 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทำให้เป็นที่แน่ชัดว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงสัปดาห์เดียวกันในปีที่ผ่านมา (8 – 14 เมษายน 2567) จำนวนผู้เข้าชมกลับลดลงถึง 9.5% สาเหตุหลักมาจากการขาดแคลนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน
ในระหว่างนี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยในช่วงดังกล่าวมีจำนวน 82,274 คน เพิ่มขึ้น 28.2% แต่เมื่อนำมาพิจารณาเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา กลับพบว่ามีการลดลงถึง 44.7% ทำให้สถานการณ์ภาพรวมในปีนี้มีความท้าทาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดตั้งแต่ต้นปี (ปี 2568) มีจำนวนรวม 10,738,424 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ตามข้อมูลจากฝ่ายวิจัยของเอเชีย พลัส มีการคาดการณ์ว่าสมมติฐานนักท่องเที่ยวในปี 2568 ต้องปรับลดลงจาก 38.6 ล้านคน เหลือ 36 ล้านคน โดยคาดว่าอาจไม่เกิน 37 ล้านคนในกรณีที่ดีที่สุด
สาเหตุหลักคือความไม่มั่นใจในด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว แล้วยังมีการแข่งขันจากภาคการท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ ที่เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น
นอกจากนี้ ในด้านการกำไรจากกลุ่มโรงแรมในไทย ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2568 ยังแสดงถึงการเติบโตเมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี แม้ว่าจะมีความเสี่ยงในการปรับลดประมาณการกำไรตามจำนวนของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้หุ้นที่มีการกระจายรายได้จากการตลาดที่ต่างประเทศ เช่น MINT และ CENTEL มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบต่ำกว่า AOT และ ERW
ในส่วนของตลาดหุ้นในกลุ่มการท่องเที่ยว ปัจจุบันราคาหุ้นส่วนใหญ่ถูกกดดันโดยราคา PER หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไรอยู่ในช่วง 11 – 26 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่มีอยู่ประมาณ 35 เท่า นั่นทำให้การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เริ่มดูน่าสนใจ โดยนักวิเคราะห์แนะนำหุ้น MINT ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 50% มาจากตลาดในยุโรป ทำให้มีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนน้อยกว่ากลุ่มอื่น