มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ โดยดัชนี Nasdaq ร่วงกว่า 3.1% เผชิญแรงกดดันจาก Nvidia (-6.9%) หลังบริษัทอาจเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 จากข้อจำกัดการส่งออกชิป H20 ไปจีน เนื่องจากการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลทรัมป์หลังการปรากฏตัวของสตาร์ทอัพจีนด้าน AI อย่าง DeepSeek และ เป็น Sentiment ลบให้หุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปรายอื่นปรับตัวลดลงเช่นกัน (กองทุน ETF SMH -4.2%, AMD -7.4%, Micron Technology -2.4%)
สุนทรพจน์ของนายพาวว์เวล ประธาน Fed ที่กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีศุลกากรได้กลับมาสร้างความกังวลให้กับตลาดมากขึ้นอีกครั้ง จากเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นในระยะสั้นและมีแนวโน้มที่จะทำให้เศรษฐกิจห่างจากเป้าหมายของ Fed มากขึ้น โดยชี้ว่าเป็นความท้าทาย เนื่องจากการควบคุมเงินเฟ้อและการส่งเสริมการจ้างงานที่อาจขัดแย้งกัน
นโยบายการค้านี้ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกนับตั้งแต่ 2 เม.ย. 2025 ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำ (+3.3%) ปิดทำนิวไฮ ที่ระดับ 3,346.4 ดอลลาร์/ออนซ์ อีกทั้งยังสร้างความกังวลว่าสงครามการค้าอาจกระทบให้อุปสงค์น้ำมันอ่อนตัว อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ +1.8% ปิดทำนิวไฮนับตั้งแต่ 3 เม.ย. 2025 ขานรับสหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ โดยมุ่งไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน รวมถึงโรงกลั่น Teapot ในจีน
• SET Index :
เราคาดว่า SET Index จะแกว่งผันผวนบริเวณ 1,125-1,150 จุด เผชิญ Sentiment ลบ ตามตลาดหุ้นสหรัฐ และ ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันนโยบายการค้าสหรัฐที่ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะ กับจีนที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงอาจเผชิญแรงขายทำกำไรหลังดัชนี SET พุ่งขึ้นกว่า 10 จุดช่วงท้ายตลาดวานนี้ และ การขึ้น XD ของหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่อย่าง KBANK วันนี้ ที่จะมีการจ่ายเงินปันผล 8.00 บาท
อย่างไรก็ตาม อาจมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบโลกรีบาวด์และราคาหุ้นได้ปรับตัวลงไปลึก
วันนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารจะเริ่มรายงานผลประกอบการ 1Q25 (TISCO 17 เม.ย. / BBL-KTB-TTB-KKP 18-21 เม.ย. / KBANK-SCB-CREDIT 21 เม.ย.) ซึ่งเราประมาณการว่ากำไรสุทธิของ 1) BBL จะเติบโต yoy และ qoq 2) KBANK-KTB ลดลง yoy แต่เติบโต qoq 3) SCB-TTB-KKP-TISCO ลดลงทั้ง yoy และ qoq ขณะที่ทั้ง 8 ธนาคารที่เราทำการศึกษาจะทำกำไรสุทธิรวม 5.21 หมื่นล้านบาท (+8.7% yoy, -0.7% qoq) และกำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) รวม 1.16 แสนล้านบาท (-0.7% yoy, +5.8% qoq)
วันนี้ BBL จะมีการประชุมนักวิเคราะห์ช่วงเย็นหลังตลาดปิด
ทั้งนี้ เรายังไม่ได้รวมผลกระทบจากใบอนุญาต Virtual Bank ไว้ในประมาณการปี 2025-2027 หลังเมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) ธปท. อนุมัติใบอนุญาตให้กับ 3 กลุ่มบริษัท 1) KTB + GULF + AIS + PTT (OR) 2) SCBX + Kakaobank (เกาหลีใต้) + WeBank (จีน) 3) Ascend Money (CP Group) จากผู้ยื่นขอทั้งหมด 5 ราย เนื่องจากเราคาดว่าธุรกิจนี้จะมีสัดส่วนรายได้ที่ยังน้อยในช่วงเริ่มต้นและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของธปท. โดยรมว. คลังคาดว่าจะอนุมัติใบอนุญาตช่วงกลางปี 2025 และเริ่มให้บริการได้กลางปี 2026
ติดตามมาตรการรับมือภาษีสินค้านำเข้าของทรัมป์ที่รัฐบาลจะเริ่มเดินทางไปสหรัฐวันนี้ หลังรัฐบาลเตรียมเสนอแผนนำเข้า LNG 1 ล้านตัน ขณะที่การหารือกับธปท. เมื่อวานนี้ เผยว่ามีการเตรียมมาตรการดูแลสภาพคล่องผู้ส่งออกและยังไม่มีการนำแนวคิดนำทุนสำรองประเทศมาใช้
• หุ้นแนะนำ
CPALL : เราคาดว่า CPALL จะมีกำไรปกติแข็งแกร่งที่ 6.9 พันล้านบาท (+14.5% yoy) ใน 1Q25 โดยมีปัจจัยหนุนจากมาร์จินที่เพิ่มขึ้นจากยอดขาย RTE ขณะที่ยอดขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวอาจมี downside risk จากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐ แต่ต้นทุนสินค้าอาหารที่ลดลงอาจช่วยลดผลกระทบ
(Take profit : 51.75 / Stop loss : 49.25)
ITC : เก็งกำไรระยะสั้นผลประกอบการ 1Q25 หุ้นกลุ่มส่งออกที่เรามองว่าจะได้รับอานิสงค์จากการเร่งคำสั่งซื้อเนื่องมาจากผลกระทบนโยบายเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ และเรามองว่าราคาหุ้นน่าจะสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่ไปพอสมควรแล้ว
(Take profit : 14.5 / Stop loss : 12.6)
#Macro&WealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon