หุ้นแบงก์อยู่รอด ท่ามกลางซากปรักหักพัง

458

ท่ามกลางสถานการณ์ภาคธุรกิจเอกชนขนาดกลาง ไปจนขนาดเล็ก และปากท้องประชาชนของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เริ่มร้องโอดโอย “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” จากสภาวะสภาพคล่องตึงตัว จากภาระหนี้บ้าน หนี้รถ หรือแม้แต่หนี้บัตรเครดิต(เพดาน16%) และหากเป็นภาคธุรกิจที่สายป่านเงินทุนไม่หนาพอ ก็เริ่มหาเงินทุนจากสถาบันการเงินที่เรียกว่า “ธนาคารพาณิชย์” ที่ถูกโขกสับดอกเบี้ยแพงๆ เมื่อเทียบกับรายใหญ่

แต่เมื่อไม่มีทางเลือกบรรดามนุษย์เงินเดือน ก็ยังต้องทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ เร่งหาอาชีพเสริมเพื่อหาเงินเพิ่มจากอาชีพหลักและแทนที่จะได้พักในวันหยุดหรือช่วงเลิกงานก็ถูกเบียดเบียนเวลาเพื่อจะต้องรีบหาเงินมาจ่ายภาระหนี้จากเจ้าหนี้แบงก์ซึ่งไม่เคยไยดีหันมาดูแลอะไรให้เลย และยิ่งเป็นภาคธุรกิจ SME ที่กำลังจะเริ่มขาดสภาพคล่องในช่วงนี้อย่าได้หวังว่าแบงก์จะช่วยปิดตายทุกธุรกิจ ไม่สนจะเป็นกลุ่มที่มีอนาคตขนาดไหนก็ตาม

ซึ่งแม้ว่าสัญญาณยังไม่ดี แต่แบงก์ก็ยังโชคดีที่หุ้นยนต์ในร่างคนที่ทำงานเหมือน “ซอมบี้” เหล่านี้ก็ยังผลิตดอกออกผลจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นได้อยู่เห็นได้จาก ผลกำไรในหุ้นแบงก์ท่ามกลางมิตรสหายรอบตัวที่กำลังย่ำแย่ ก็ยังคงเสวยสุขได้เพราะกำไรยังมโหฬาร ล่าสุด BBL หรือ ธนาคารกรุงเทพ ประกาศกำไร Q1/68 ที่ 12,618 ลบ.เติบโต 21.3% QoQ และ เติบโต 19.9% YoY แม้จะอ้างว่า NIM ลดลงก็ตาม หากดูย้อนหลังไปปี 67 ก็เป็นปีที่เศรษฐกิจปากท้องย่ำแย่ แต่ BBLยังสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำถึง 45,211 ลบ.ซึ่ง แบงก์ขนาดใหญ่หลายสีก็ยังสร้างผลกำไรที่โดดเด่น อาทิ

SCB ปี 67 กำไร 43,943 ลบ.,

KBANK ปี 67กำไร 48,598 ลบ.

KTB ปี 67 กำไร 43,855ลบ.

BAY ปี 67 กำไร 29,699ลบ.

TTB ปี 67 กำไร 21,031 ลบ.

TISCO ปี 67 กำไร 6,901ลบ.

KKP ปี 67 กำไร 5,030 ลบ.

“ซึ่งน่าเสียดายโอกาสของประเทศ…ที่ไม่เปิดโอกาสให้เอกชนรุ่นบ่มเพาะ หรือหลายคนเรียกว่ากลุ่มสตาร์ทอัพ..ที่ต้องการพี่เลี้ยงช่วยหล่อเลี้ยงด้านแหล่งเงินทุนในสถานการณ์เช่นนี้…ซึ่งหากมองในอีกมุมหนึ่งจะเรียกว่าแบงก์ไม่เก่งก็คงจะไม่ผิดที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง…และมองเห็นอนาคตของกลุ่มสตาร์ทอัพธุรกิจที่อาจจะเป็นอนาคตของประเทศได้ เหมือนในเกาหลี, ญี่ปุ่น หรือแม้แต่สหรัฐฯ รวมถึงจีน ทำให้ประเทศไทยจึงมีแต่ภาคธุรกิจที่ล้าหลัง…อยู่มากดูง่ายๆอย่างหุ้นที่ List ในตลาดหุ้นไทย ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อนเป็นยังไงปัจจุบันก็ยังวงเวียนอยุ่ในกลุ่มเดิมๆไม่เคยเปลี่ยน”

และที่น่าเสียดายจากบทเรียนวิกฤตเหตุการณ์ “ต้มยำกุ้ง” กลับไม่ได้ช่วยสร้างเกาะป้องกันที่ถูกต้องให้กับธนาคารเลย กลายเป็นว่า แบงก์เรียนรู้เพียงด้านเดียวคือปกป้องตัวเองไม่ได้ล้มคลืน…แต่ “คนรอบข้างจะล้มช่างหัวมัน” ซึ่งไม่สมกับที่แบงก์ชาติหรือภาครัฐให้ความสำคัญว่าเป็นภาคธุรกิจที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ มาตรการที่จะออกมาในช่วงวิกฤตกลุ่มธุรกิจนี้ก็จะได้รับการโอบอุ้มพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิด “โดมิโน่” ไปสู่ธุรกิจและภาคประชาชน

ดูๆไปบ้านเราก็ควรจะเร่งผ่าตัดใหญ่ “กลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์” เสียทีหากใหญ่แล้วอุ้ยอ้ายแบบนี้อนาคตก็ไม่รอดไม่ว่ารัฐจะอุ้มอย่างไร…และที่สำคัญบทบาทก็ไม่ได้ทำให้สมกับภาครัฐให้ความสำคัญเลยแม่แต่น้อยน่าเสียดาย!!!!

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon