OSP กลยุทธ์ 10 บาทเห็นผล   ซื้อขายP/Eต่ำกว่ากลุ่ม

82

มิติหุ้น – OSP โดยบล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า คาด Q1/68 มีกำไร 1,204 ลบ. โต +45% y-y และ +112% q-q จากอัตรากำไรดีขึ้น และค่าใช้จ่ายหด : แนวโน้มการดำเนินงาน Q1/68  คาดจะกลับมาเติบโตได้โดดเด่นทั้ง y-y และ q-q หลัก ๆ จากยอดขายในต่างประเทศ และกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลที่เติบโต ขณะที่ คชจ. ลดลง และอัตราภาษีจ่ายลดลง

คาดยอดขาย 6,788 ลบ. หด -7% y-y แต่ +6% q-q โดยกลุ่มเครื่องดื่มยอดขาย หดตัว -4% y-y จากตลาดในประเทศที่ลดลงมากกว่า 10% แต่หากตลาดต่างประเทศนำโดยเมียนมาร์ ขยายตัวถึง +20% y-y ส่วนกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลยอดขาย +10% y-y แต่ในส่วนอื่น ๆ ยอดขายหด -50% y-y หลังเลิกรับจ้างผลิต

อัตรากำไรขั้นต้นคาดเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญเป็น 39.3% จาก 36.5% ใน 1Q24 จากยอดขายกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงอย่างยอดขายต่างประเทศ และของใช้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น, การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และราคาวัตถุดิบลดลง

สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร คาดใกล้เคียง Q1/67  ที่ 24.8%  และจากยอดขาย ต่างประเทศเพิ่มขึ้นทำให้อัตราภาษีจ่ายลดลงเนื่องจากการขายในต่างประเทศไม่เสียภาษี ส่งผลให้อัตราภาษีจ่ายเหลือเพียง 9% จากปกติเฉลี่ย 12% รวมถึงมีรับรู้กำไรพิเศษจากการปิดโรงงานขวดแก้วในพม่าซึ่งจะรับรู้กำไรเข้ามาราว 200-300 ลบ. อีกด้วย

ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง Q1/68 อยู่ที่ 44.8% เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือน ธ.ค. 67 ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดเดือนล่าสุด มี.ค. 68 พบว่าอยู่ที่ 44.9% เพิ่มขึ้น 0.1% m-m ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 4 เดือนติดต่อกันหลังการเปิดตัวขวด 10 บาทไปช่วงต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา

กำลังซื้อในประเทศแผ่ว จึงคงประมาณการไว้ดังเดิมก่อน : แม้การประชุมวานนี้ แสดงถึงแนวโน้มผลการดำเนินงาน Q1/68  ที่จะเติบโตได้แข็งแกร่ง แต่คาดว่าไตรมาสถัด ๆ ไป จะเห็นการย่อตัวลงได้ ซึ่งปกติครึ่งแรกของปียอดขายต่างประเทศจะดีกว่าในครึ่งปีหลัง แต่ปัจจัยที่เริ่มมีความกังวลมากขึ้นคือยอดขายในประเทศที่ดูอ่อนแอจากภาพเศรษฐกิจที่ดูแย่ลง ทำให้เรายังคงประมาณการผลการดำเนินงานไว้ดังเดิมก่อน โดยภาพการเติบโตสรุปได้ดังนี้

ในประเทศ : เครื่องดื่มจะเน้นในสินค้าหลัก, ทำให้แบรนด์รู้จักมากขึ้น และออกสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่ม ส่วนกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลจะออกสินค้าใหม่ และทำการตลาดร่วมกับ “หมีเนย” ซึ่งทยอยเปิดตัวแล้ว

ต่างประเทศ : เน้นขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเช่นเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และลาว ซึ่งในเวียดนามได้ ซึ่งปัจจุบันประเทศเหล่านี้มียอดขายเพียง 10% ของตลาดต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งจะเข้าไปทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและของใช้ส่วนบุคคล

เราคาดยอดขายในปี 68  เป็น 28,433 ลบ. +5% y-y ภายใต้ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศโต +5% y-y ส่วนต่างประเทศคาดโต +14% y-y และกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลคาดจะโต +23% y-y

คาดอัตรากำไรจะทรงตัว y-y ได้จากต้นทุนวัตถุดิบคาดจะลดลง และคาดค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายจะมีสัดส่วน 24.4% และกำไรสุทธิ 3,179 ลบ. +94% y-y กำไรปกติคาดจะโตราว 5% y-y

คาด Q1/68 กำไรเติบโตโดดเด่นจากหลาย ๆ ปัจจัยเข้ามา ขณะที่ยอดขายขวด 10 บาทเริ่มเห็นการซื้อซ้ำแล้วราว 40% แม้ว่าอาจดึงอัตรากำไรขั้นต้นให้หดลง แต่เราคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยปัจจัยดังกล่าวได้ ส่วนแผ่นดินไหวในพม่าคาดผลกระทบจำกัดจากสัดส่วนรายได้หลักยังมาจากย่างกุ้งที่ไม่ได้รับผลกระทบราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E25E ที่ 14.5x ไม่แพงหากเทียบกับกลุ่ม และผลตอบแทนเงินปันผล 6% ต่อปี ขณะที่แนวโน้มกำไรกลับมาเติบโตอีกครั้ง แนะซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 21 บาท ”

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon