CGSI : มาตรการภาษีของสหรัฐฯและความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย น่าจะทำให้ SET ไม่ perform แต่ SET ปรับลงถึง 17% YTD เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมี downside risk ค่อนข้างจำกัด

25

มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าก่อนหน้านี้สหรัฐฯมีแผนก็บภาษีนำเข้า 36% จากสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เดิมมาตรการนี้จะมีผลวันที่ 9 เม.ย.68 แต่สหรัฐฯเลื่อนออกไปอีก 90 วัน ทำให้ช่วงนี้อัตราภาษีตอบโต้ต่อไทยอยู่ที่ 10% เชื่อว่ากลุ่มที่จะกระทบมากสุดเมื่อเริ่มเก็บภาษีตอบโต้ 36% ในวันที่ 8 ก.ค. 68 คือ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ยกเว้นว่าสหรัฐฯเลื่อนใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไปอีก จึงมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) โดยเฉพาะจากประเทศจีน

รัฐบาลไทยไม่มีแผนตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐ และเตรียมยื่นข้อเสนอต่อสหรัฐฯ ประกอบด้วยการเพิ่มการนำเข้าพลังงาน, อากาศยานและสินค้าเกษตรจากสหรัฐ รวมทั้งสกัดกั้นไม่ให้ประเทศอื่นใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ (ที่มา: Bangkok Post วันที่ 7 เม.ย. 2025)

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ มองว่า อาจเป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลไทยที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร เพราะต้องปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรในประเทศด้วยเช่นกัน แต่รัฐบาลไทยอาจเปิดทางให้มีการนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิดจากสหรัฐ ซึ่งน่าจะไม่ส่งผลกระทบเกษตรกรไทยมากนัก เช่น อาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัว

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยดูยืดเยื้อ หลังเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางที่ประชุมสภาวันที่ 9 เม.ย. 68 ว่า ไม่สนับสนุนพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญเรื่องเร่งด่วน เช่น เหตุการณ์อาคารสตง.ถล่มและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ตามรายงานข่าวของ Thai PBS) ความขัดแย้งดังกล่าวอาจยืดเยื้อไประยะหนึ่ง ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงเชื่อว่า รัฐบาลน่าจะยังไม่สามารถเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยกลายเป็น worst performer ในภูมิภาค เนื่องจากดัชนี SET ปรับลง 17% YTD ทำให้ขณะนี้ SET ซื้อขายที่ P/E ล่วงหน้า 12 เดือนประมาณ 11 เท่า หรือใกล้เคียงกับ -2SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี จึงเชื่อว่าหุ้นไทยมี downside risk ค่อนข้างจำกัดแล้ว โดยพบว่าตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่ครั้งที่ SET ซื้อขายที่ P/E ล่วงหน้า 12 เดือนต่ำกว่าในปัจจุบัน โดย SET ซื้อขายที่ 9.2 เท่าเดือนมิ.ย.53 และ 9.5 เท่าเดือนม.ค. 54 เมื่อไทยเผชิญวิกฤตทางการเมือง ขณะที่ซื้อขายที่ 11.2 เท่าเดือนก.พ.59 เมื่อไทยประสบภัยแล้งรุนแรง

เมื่อเผชิญความไม่แน่นอนจากมาตรภาษีสหรัฐฯ จึงมองว่าหุ้น Domestic defensive และ High-yield play เป็นตัวเลือกที่ดี โดยหุ้น Top pick ในปัจจุบันประกอบด้วย BDMS, BJC, CBG, CPN, MINT, MTC และ PR9 และยังคงเป้าดัชนี SET อยู่ที่ 1,200 จุด ซึ่งยังเท่ากับ P/E 13.4 เท่าในปี 69 หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี อย่างไรก็ตาม SET อาจมี downside risk หากมาตรการภาษีของสหรัฐฯส่งผลกระทบต่อไทยมากกว่าคาด และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ อาจช่วยหนุนตลาดได้

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon