มิติหุ้น – บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S โดยคุณปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานกรรมการ และคุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะกรรมการ จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในปี 2567 พร้อมนำเสนอกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติ การจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.01 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 94.54 ของกำไรสุทธิหลังจากการปรับปรุงรายการ มีกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568
ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังการประชุมว่า “ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องเผชิญกับสภาวะตลาดที่ท้าทาย เป็นผลให้เกิดการชะลอตัวในบางธุรกิจ แต่ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายกิจการอย่างเหมาะสม ทำให้รายได้ในปี 2567 ยังสามารถเติบโตขึ้นได้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และจากผลการดำเนินงานดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ยังคงสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง”
ในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเน้นการสร้างความมั่นคงด้านกระแสเงินสด ควบคู่กับการเติบโตที่ยั่งยืนทั้งแบบรายได้ประจำ (Recurring Income) และไม่ประจำ (Non-Recurring Income) โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย บริษัทฯ มีแผน เปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,800 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพ 4 แห่งในกรุงเทพมหานคร ประกอบกับโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 26,744 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการอยู่ในระดับราคาลักชูรีที่มีผลกระทบต่อความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและข้อจำกัดในการให้สินเชื่อของธนาคารน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบ ทำให้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่ารายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยในปี 2568 ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นรายได้ประจำหลักของบริษัทฯ (Recurring Income) ยังดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้าง ความแข็งแกร่งของพอร์ตการลงทุน เน้นลงทุนปรับปรุงทรัพย์สินหลักเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ ตามความสำเร็จของการปรับปรุงทรัพย์สินในช่วงปีที่ผ่านมา ที่โรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต สามารถเพิ่มราคาห้องพักได้กว่า 36% เมื่อเทียบกับราคาห้องพักในปีก่อนปรับปรุง รวมทั้งกลยุทธ์การขายโรงแรมที่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้าหมาย เพื่อปรับปรุงผลตอบแทน จากการลงทุนรวมให้ดีขึ้น และการพิจารณาซื้อโรงแรมในทำเลที่มีศักยภาพ ตอบรับเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ และเสริมสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรของธุรกิจโรงแรมให้แข็งแกร่ง
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และธุรกิจนิคมอุสาหกรรมและสาธารณูปโภค จะเน้นกลยุทธ์การเข้าหาลูกค้า
ที่เฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการขายของอาคารสำนักงานเอส โอเอซิส และนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ในขณะเดียวกันในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังมีความสมดุลจากรายได้ประจำทั้งจากผลการดำเนินงาน ที่ดีของอาคารสำนักงานหลักทั้ง 3 แห่ง (อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ อาคารซันทาวเวอร์ส และอาคารเอส เมโทร) ของบริษัทฯ และรายได้ที่มั่นคงจากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าและรายได้จากการขายสาธารณูปโภคและค่าบริการของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม
นอกจากความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจแล้ว บริษัทฯ ยังเสริมสร้างความมั่นคงด้านการจัดหากระแสเงินสด
ผ่านการกระจายการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งจากความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
และแผนการเสนอขายอย่างต่อเนื่อง การได้รับสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) จากธนาคารสำหรับอาคารสำนักงาน เอส โอเอซิส ที่เป็นอาคารสำนักงานที่ถูกออกแบบให้มีความสวยงามควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งการได้รับวงเงินดังกล่าว
นอกจากจะเป็นการแสดงความเชื่อมั่นของธนาคารที่มีต่อบริษัทฯ แล้วยังเป็นการตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจที่บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาโครงการด้วยความพิถีพิถัน เพื่อสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชนอย่างสมดุล” ฐิติมา กล่าวเสริม
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon