SCGP ชูเรือธง Customer Centric เปลี่ยนผ่านสู่ 4 กลยุทธ์ยั่งยืน เป้าหมายปี 68 ดัน EBITDA 1.8 หมื่นล้านบาท ลดต้นทุน 600 ล้านบาท ก้าวสู่ท็อปแบรนด์มูลค่าทะลุแสนล้าน สูงที่สุดในหมวดบรรจุภัณฑ์ ปักหมุดลดเสี่ยงภาษีทรัมป์ ลงทุนอเมริกา
“วิชาญ จิตร์ภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยถึงกลยุทธ์เปลี่ยนผ่านธุรกิจยั่งยืนสู่เป้าหมายการเติบโตรองรับเศรษฐกิจอนาคต หัวใจสำคัญอยู่ที่การปรับตัวยืดหยุ่น (Resilience)ธุรกิจหลากหลาย พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์แก้ไจปัญหา ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)
ทั้งนี้ วางเป้าหมายในปี 2568 จะมีการเติบโตทั้งในด้านของการดำเนินงานที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.การวางเป้าหมาย EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าจัดจำหน่าย” จะอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท และมีCAPEX (ค่าใช้จ่ายลงทุนทางธุรกิจ) อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท จากQ1/68 EBITDA อยู่ที่ 4,232 ล้านบาท CAPEX อยู่ที่ 1,143 ล้านบาท 2.เพิ่มโอกาสลดต้นทุนมูลค่า 600 ล้านบาท ผ่านการติดตั้งหม้อไอน้ำชีวมวลใหม่ในกระบวนการผลิต กระดาษลูกฟูก และการเพิ่มประสิทธิภาพใช้เยื่อในการผลิต รวมถึง3.การพัฒนานวัตกรรม ตอบโจทย์ สร้างประสบการณ์แก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ที่ตั้งเป้าหมายสัดส่วน 37 % จากยอดขายรวม โดยมีการพัฒนาสินค้าใหม่ ให้ความสำคัญกับ การทำการตลาดเข้าใจลูกค้า และ4.วางกลยุทธ์ESG และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียน หรือ ทางเลือก สัดส่วน 39 % รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ESG วัดผลมูลค่าแบรนด์สูงสุด 1แสนล้านบาท
การลงทุนพัฒนาด้านESG ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน และยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ทำให้ได้รับรางวัล Thailand’s Top Coporate Brands 2024 ในฐานะองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดในหมวดกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ด้วยมูลค่า 100,594 ล้านบาท จาก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับตลาดหลักทรัยพ์แห่งประเทศไทย เพื่อวัดมูลค่าแบรนด์โดยใช้แนวคิด ทางการเงิน
“มูลค่าแบรนด์คือสิ่งสำคัญที่สะท้อนการพัฒนาคน ขับเคลื่อนองค์กร ที่เป็นหัวใจสำคัญของความยั่งยืน หลังจากเดินตามเส้นทาง อุดมการณ์ 4 จนกลายเป็นวัฒนธรรมในองค์กร“
ปักหมุลงทุนสหรัฐ
สิ่งที่โดดเด่นอีกด้านของการปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน คือ การบริหารกระแสเงินสด บริหารต้นทุน และรองรับการลงทุนที่เป็นโอกาส
ส่วนแผนรับมือความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีทรัมป์ ที่ประชุมบอร์ด มีมติให้บริษัทเข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนเกี่ยวกับ Rigid packaging โดยสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปที่สหรัฐฯ เพื่อหารือกับพันธมิตรสานต่อโครงการที่หารือค้างไว้ ในช่วงโควิด-19 จากเดิมที่เริ่มต้นธุรกิจคลังสินค้า (Warehouse) แต่หลังจากที่ทรัมป์มีนโยบายเรื่อง ภาษี (Tariffs) จึงตัดสินใจไปลงทุน เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ จะสรุปมูลค่าได้เร็วๆ นี้ อีกทั้ง มีการปรับตัวกระจายความเสี่ยงไปสู่ตลาดใหม่ๆ ลดการพึ่งพาจีน อาทิ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ โอเชียเนีย (ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์)
“SCGP คงไม่ทำ M&A แต่จะหาพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุน โดยเน้นการพัฒนา Rigid packaging พร้อมกันกันหาตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดรองรับความเสี่ยงนอกเหนือจ่ากจีน”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon