ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บ้านปู หรือ BANPU ผู้ประกอบการธุรกิจถ่านหินและพลังครบวงจร โดยนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า มั่นใจว่าผลประกอบการปี 62 ของ BANPU จะเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 61 โดยคาดว่าราคาถ่านหินในตลาดโลกปี 62 จะเฉลี่ยในระดับ 90-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งยังถือว่าเป็นระดับราคาที่สูง ขณะในช่วงไตรมาส1/62 นั้นเฉลี่ยที่ระดับ 93 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เนื่องจากถ่านหินในตลาดเป็นถ่านหินที่มีคุณภาพดีส่งผลให้ราคาปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้แล้วยังได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดยบมจ.บ้านปู เพาเวอร์ หรือ BPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ โดยปีนี้มั่นใจว่าโรงไฟฟ้าหงสาที่สปป.ลาว จะมีกำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ขณะโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ที่จ.ระยองปีนี้จะกลับมาเดินเครื่องได้อย่างเต็มกำลัง หลังจากที่หยุดซ่อมบำรุงไปในปี 61
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจเชลล์แก๊สที่มีการขยายลงทุนไปแล้ว230 ล้านลูกบากศ์ฟุตต่อวัน คาดว่าจะมี กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเพิ่มขึ้น 20-25% จากปี 61 นั้นมี EBITDA อยู่ที่ 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับแผนลงทุนในธุรกิจถ่านหินจะไม่เน้นการขยายเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยจะเน้นรักษาการผลิตในอินโดนีเซียที่ 25 ล้านตันต่อปี ,ออสเตรเลียที่ 15 ล้านตันต่อปี และจีนที่ 10 ล้านตันต่อปี และจะเน้นการทำเทรดดิ้งมากขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 2.2 ล้านตัน และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 3 ล้านตันในปีนี้ โดยมีตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน เวียดนาม และญี่ปุ่น ล่าสุดได้รับสัญญาการขายถ่านหินให้การไฟฟ้าเวียดนามจำนวน 1 ล้านตัน
ทั้งนี้ในปี 62 บริษัทมีเป้าขายถ่านหิน 48 ล้านตันแบ่งเป็นในประเทศอินโดนีเซีย 28 ล้านตัน โดยจำนวนนี้ขายล่วงหน้าแล้ว20% ที่เหลือจะพิจารณาซื้อขายตามทิศทางราคาตลาดโลก ในประเทศออสเตรเลีย 15 ล้านตัน จีน 5 ล้านตัน
ส่วนการลงทุนในธุรกิจเชลล์แก๊สในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 62-63 เตรียมงบลงทุนไว้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะสามารถรองรับการขยายการลงทุนได้อีกประมาณ 220-230 ล้านลูกบากศ์ฟุตต่อวัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาราคาขายที่เหมาะสมคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการซื้อกิจแหล่งผลิตแก๊สได้ในไตรมาส3-4/62 ซึ่งการลงทุนในธุรกิจเชลล์แก๊สนั้นจะช่วยสร้างกระแสเงินสดได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง พร้อมมองโอกาสต่อยอดธุรกิจปลายน้ำอย่างโรงไฟฟ้าในอนาคต
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้านั้นล่าสุด เตรียมสรุปการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มกว่า 400 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนาม โดยจะเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรจากประเทศสิงคโปร์คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส2/62 อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น BPP ได้รับใบอนุญาตในการลงทุนพลังงานที่เวียดนาม 200 เมกะวัตต์ โดยจะลงทุนในเฟสแรก 80 เมกะวัตต์ กำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ปี 63
ส่วนการลงทุนในธุรกิจอินเนอร์จีเทคโนโลยี ของบริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด เป็นอีกหนึ่งบริษัทย่อยของ BANPU นั้นมีเป้าหมายขยายการลงทุนโซลาร์รูฟท็อปเป็น 300 เมกะวัตต์ปี 63 คาดปีนี้มีจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 151 เมกะวัตต์ โดยการขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟก เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ไตหวัน และในไทย เป็นต้น โดยคาดหวังจะช่วยผลักดันขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำเทคโนโลยีพลังงานแห่งเอเชียใน 7 ปี