มิติหุ้น – OSP กูรูชี้อากาศร้อนจัด ดันยอดขายพุ่ง หนุนกำไรไตรมาส 1/62 โตสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส คาดไตรมาส 2 ยังโตต่อเนื่อง โรงงานผลิตขวดเดินเครื่องเต็มกำลัง ยอดขายต่างประเทศโต ขณะที่ต้นทุนเศษแก้วลดลงสู่ปกติ หนุนภาพรวมปีนี้มีกำไร 3.29 พันล้านบาท ประเมินราคาเป้าหมาย 33.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. โอสถสภา หรือ OSP โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/62 ของ OSP มีโอกาสเติบโตได้โดดเด่นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งในด้านกำไรและรายได้ เนื่องจากอากาศร้อนมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของโอสถสภาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอ็ม 150 ซี-วิต, เอ็มสปอร์ต, คาลพิส แลกโตะ, โสมอินซัม ฉลามกระชายดำ เป็นต้น นอกจากนี้ จากปัจจัยของอากาศร้อน ยังส่งผลบวกต่อไตรมาส 2/62 ซึ่งมีโอกาสทำกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนขยายโรงงานผลิตเครื่องดื่มในเมียนมา คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปีนี้ แล้วเดินเครื่องผลิตอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 63 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ยอดขายในเมียนมาเติบโตมากขึ้น และมีโอกาสขยายลงทุนในกลุ่ม CLMV เพิ่มเติม
ลุ้น Q1 กำไรโตสูงสุดในรอบ 2 ปี
ด้านนายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น OSP ไตรมาส 1/62 จะมีกำไรสุทธิ 840 ล้านบาท เป็นการประเมินแบบ Conservative แต่ยังสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส และมีโอกาสเติบโตสูงกว่าไตรมาส 3/60 ที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 886 ล้านบาทได้เช่นกัน จะส่งผลให้กำไรเติบโตสูงสุดในรอบ 2 ปี และคาดว่ามีรายได้ที่ 6,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากสภาวะอากาศที่ร้อนขึ้น ส่งผลให้ยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเติบโตขึ้น ส่วนธุรกิจของใช้ส่วนบุคคลคาดเติบโตดีจากผลบวกของอากาศร้อน หนุนยอดขายครีมอาบน้ำ และแป้งเด็ก รวมถึงโคโลญจ์เติบโตดีขึ้น และได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น เมียนมา ปากีสถาน เซเนกัล โดยเฉพาะในกัมพูชายอดขายโตกว่า 30% และจากอากาศร้อน คาดว่าจะส่งผลให้ไตรมาส 2/62 ยังได้อานิสงส์ต่อเนื่อง คาดมีโอกาสเห็นกำไรเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/62
ให้ราคาเป้าหมาย 33.50 บ.
ส่วนภาพรวมปี 62 ประเมินกำไรสุทธิ 3,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เทียบปี 61 ที่กำไรสุทธิ 3,005 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนเศษแก้วลดลงสู่ระดับปกติ และสามารถกลับมาเดินเครื่องโรงงานผลิตแก้วได้ปกติ หลังจากปี 61 หยุดซ่อมบำรุงไปกว่า 6 เดือน ซึ่งโรงงานใหม่รองรับกำลังผลิตได้ถึง 4,000 ล้านขวดต่อปี และยังมีโปรแกรม Fitness First ข่วยในการลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 33.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”