มิติหุ้น – EPG ตั้งเป้ารายได้งวดปี 62/63 โต 10-12% หวังอัตรากำไรสุทธิโตไม่ทะลุ 10% ดีกว่าปีก่อน จากราคาวัตถุดิบลดลง พร้อมทุ่มงบ 300 ล้านบาท เสริมแกร่ง 3 กลุ่มธุรกิจ ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต – ร่วมทุนพันธมิตรรุกตลาดจีน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก โดย ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้งวดปี 62/63 (เม.ย.62-มี.ค.63) เติบโต 10-12% และคาดอัตรากําไรสุทธิปีนี้ปรับตัวดีขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน 8.38% เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง โดยบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักคือ “The New S-Curve” มาใช้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตสินค้า เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มมาร์จิ้น มุ่งขยายตลาดครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั่วโลก
เร่งเครื่อง 3 ธุรกิจหลักดันโตแกร่ง
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของ 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น แบรนด์ AEROFLEX มีการลงทุนขยายโรงงานผลิตในประเทศไทย คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณไตรมาส 3 ปี 62/63 โดยจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตในเฟสแรก 2,000 ตัน/ปี สำหรับฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะทยอยลงทุนในระบบการผลิตแบบออโตเมชั่น และมีการปรับปรุงระบบการขนส่งให้สะดวกรวดเร็วกว่าเดิม
ส่วนธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS คาดปีนี้จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยล่าสุดส่งสินค้าฝาปิดกระบะ (Roller lid) ออกสู่ตลาดแล้ว สำหรับธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย TJM Products Pty.Ltd (TJM) ปีนี้เป็นปีที่ 5 ตั้งแต่ซื้อกิจการเข้ามา การดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทจะเร่งให้เกิด Synergy ของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดของ AEROKLAS และโรงงานใหม่ของ AEROKLAS คาดจะสามารถดำเนินการได้ประมาณไตรมาส 3 ปี 62/63
ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ปีนี้จะทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง และจะขยายตลาดไปสู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สามารถปรับเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบประเภท Bio plastic ได้เนื่องจากมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม รวมถึงมีแผนที่จะลงทุนขยายไลน์การผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษเพื่อสามารถให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร
ผนึกพันธมิตรรุกตลาดจีน
“ปีนี้บริษัทวางงบลงทุน 300 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับปรุงและพัฒนาสายการผลิต แบ่งเป็น 100 ล้านบาท พัฒนาสายการผลิตอัตโนมัติในไทยและสหรัฐ ส่วน 150 ล้านบาท เป็นการพัฒนาสายการผลิตในไทยและเสริมสร้างความร่วมมือในการดำเนินงานในออสเตรเลีย และอีก 50 ล้านบาท ใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ดร.ภวัฒน์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้ส่งบริษัทย่อยของบริษัท Aeroklas (Shanghai) Co., Ltd. ในจีน ร่วมทุนกับ Sailing Technology Co., Ltd. โดยถือหุ้นสัดส่วน 49:51% ตามลำดับ เพื่อประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท อุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ให้กับลูกค้า OEM / ODM และลูกค้ารายย่อยทั่วไป คาดจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในต้นปี 2563 และสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น