CWT เผย สวทช.ใส่เงิน 20ล.ถือหุ้น ‘SakunC’ จากกลุ่มโชคนำชัย 10% ต่อยอดนวัตกรรมยานยนต์แบรนด์ไทย

941

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป หรือ CWT ผู้ผลิตเบาะหนังและชิ้นส่วนหนังยานยนต์ ตลอดจนถือหุ้นในโรงไฟฟ้า โดยนายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัท ได้ส่งบริษัทย่อย บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด (SakunC) ถือหุ้น 50.01% เข้าร่วมลงทุนกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตเป็นยานพาหนะสมัยใหม่ เช่น เรืออลูมิเนียม รถโดยสารอลูมิเนียม และยานยนต์ประเภทอื่นที่มีการใช้เทคโนโลยีอย่างครบวงจร และช่วยผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของไทยให้ก้าวหน้า ตอบรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และกรอบแผนยุทธศาสตร์ระยะ 20 ปี

นายวีระพล กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้ สวทช. ใส่เงินสนับสนุนในบริษัทสกุลฎ์ซี จำนวน 20 ล้านบาท โดยเข้าซื้อหุ้นเดิม 10% จากกลุ่มโชคนำชัย ซึ่งบริษัทยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 50% และปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดผลประกอบการปี 62 จะรับรู้รายได้ราว 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็น การรับรู้รายได้จากธุรกิจเบาะหนังเดิมและการจ่ายไฟฟ้าราว 2,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ของบริษัทย่อย สกุลฏ์ซี เข้ามาราว 400 ล้านบาท ซึ่งการส่งมอบเรือยังทยอยส่งมอบได้ตามแผน ส่วนการประกอบรถยังอยู่ในขั้นตอนทดสอบความปลอดภัย คาดทยอยส่งมอบได้ภายในปลายปีนี้

ขณะที่ โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะ ขนาด 9 MW อยู่ระหว่างรอ TOR จากภาครัฐ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน ก.ย.62 นี้
ด้านนายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย ประธานกลุ่มบริษัท โชคนำชัย และบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CWT กล่าวว่า การร่วมมือกับ สวทช. ในครั้งนี้ จะนำองค์ความรู้ที่สำคัญต่อการพัฒนาของบริษัท ต่อยอดองค์ความรู้ด้านการผลิตเรืออลูมิเนียม โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการคำนวณทางพลศาสตร์ของไหล หรือ CFD ช่วยในการจำลองสภาวะการใช้งานและศึกษาความสัมพันธ์ ตลอดจนผลกระทบจากการไหลของน้ำที่มีต่อโครงสร้างเรือ

ขณะเดียวกันการร่วมมือกับ สวทช. ยังช่วยวิจัยเรื่องความแข็งแรงของโครงสร้างรถโดยสารตัวถังอลูมิเนียม ซึ่งผลดังกล่าวสามารถนำมาใช้ลดน้ำหนักของโครงสร้างให้มีน้ำหนักเบายิ่งขึ้น และมีความแข็งแรงตามมาตรฐานสากล ซึ่งความรู้ตัวนี้จะช่วยในการลดน้ำหนักและต้นทุนผลิต อีกทั้งเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในรถโดยสารไฟฟ้าในอนาคต สร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมของประเทศได้โดยตรง

โดยในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตแม่พิมพ์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์กว่า 40 ปีและเป็น Top5 Asia ที่ทำแม่พิมพ์สำหรับผลิตตัวถังรถยนต์ได้ทุกชิ้นส่วน ส่งตรงบริษัทชั้นนำมากมายทั่วโลก