AH หุ้นเด่นรายได้ทะยาน โบรกเคาะเป้าสำคัญ22บ. (24/07/62)

651

มิติหุ้น-AH วาดฝันรายได้ปีนี้เติบโตต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร “เย็บ ซู ชวน” ติดเครื่องลุยงานครึ่งปีหลัง พร้อมปั้นผลงานโตใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 1.7 หมื่นล้านบาท ไม่หวั่นค่าแรง 400 บาท เดินหน้าปรับกลยุทธ์ใหม่ ฟากโบรกเกาะติดพื้นฐานหุ้นดีพื้นฐานแกร่ง มองเป้า 22.00 บาทแนะ “ซื้อ”

ผู้สื่อข่าว มิติหุ้น รายงาน ว่า บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) AH โดยนายเย็บ ซู ชวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของรายได้ปีนี้คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับปี 2561 ที่มีรายได้จำนวน 17,844.26  ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 1,299.16  ล้านบาท  โดยคาดว่าคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามการคาดการณ์ตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ที่ 2,150,000 คัน

ประเมินค่าแรง400บ.

“ สำหรับค่าแรง 400 บาทนั้นคาดว่าจะส่งผลกระทบของผู้ประกอบการทุกราย แต่เราก็ต้องหากลยุทธ์ในการปรับตัว  ส่วนผลงานไตรมาส 2/2562 คาดว่าจะออกมาได้ดี หากเทียบกับไตรมาสแรกที่มีรายได้จำนวน 4,478.59 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน  216.56 ล้านบาท “นายเย็บ ซู ชวนกล่าว

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ ในไทย มีโรงงานผลิตชิ้นส่วน จำนวน 4 โรง มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 73% ของรายได้รวม, มาเลเซีย บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 23% ของรายได้รวม และจีน บริษัทมีโรงงานผลิตชิ้นส่วน มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 4% ของรายได้รวม นอกจากนี้บริษัทยังมีการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในอเมริกา โปรตุเกส และอินเดีย

โบรกสั่งลุย

ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น AH ไว้ที่ระดับ 22.00 บาท โดยประเมินว่า แม้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ปีนี้ของ AH คาดโตดีตามภาพอุตฯ ยานยนต์ในไทย รวมถึงเริ่มมีการรับรู้รายได้จากผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สำหรับรถยนต์สัญชาติเวียดนาม ภายใต้การร่วมทุนกับ Vinfast แต่บริษัทยังมีความเสื่ยงที่ต้องเผชิญจาก 1.) SGAH ที่คาดยังขาดทุนต่อ และอาจกดันส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมคาดลดลง 2.) ภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้นหลังอยู่ในช่วงรอยต่อของ BOI ฉบับเก่า-ใหม่ และ 3.) รายจ่ายผลประโยชน์พนักงานตาม พรบ. แรงงานฉบับใหม่ราว 43 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายปรับมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มากขึ้น แต่คาดยังไม่เพียงพอต่ออุปสรรคที่กล่าวมาข้างต้น จึงส่งผลต่อกำไรสุทธิปี 62 คาดลงเหลือ 1,042 ลบ. (เดิมคาด 1,290 ลบ.) หดตัว 19.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดังนั้นยังคงนะนำ “ซื้อ” แม้ปรับราคาพื้นฐานใหม่: แม้ปรับราคาพื้นฐานปี 62 ใหม่ลงเหลือ 22.00 บาท แต่ด้วย ณ ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside กว่า 19% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”