ผู้สื่อข่าว มิติหุ้น รายงานว่า บมจ.เอทีพี 30 หรือ ATP30 ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการรถรับส่งพนักงานจากแหล่งที่พักอาศัยในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรม โดย “นายปิยะ เตชากูล” กรรมการผู้จัดการ เผยว่า ผลประกอบการครึ่งแรกปี62 บริษัทมีรายได้รวม 227.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 23.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
รับทรัพย์ลูกค้ารายใหม่
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2562 มีรายได้รวม 114.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.05% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 11.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.73% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นผลมาจากบริษัทรับรู้รายได้จากการให้บริการลูกค้าใหม่ในช่วงไตรมาส 1/62 จำนวน 2 ราย และในไตรมาส 2/62 ให้บริการลูกค้า 1 ราย ประกอบกับบริษัทมีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นอยู่ที่ 26.51% ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายและ การบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆ
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการตั้งสำรองบันทึกค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากการแก้ไขกฏหมายอัตราค่าชดเชยพนักงาน ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการเติบโตปี 62 ของบริษัท เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ชี้งบครึ่งปีหลังโตเด่น
ส่วนแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากการให้บริการและรับรู้รายได้จากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในช่วงไตรมาส 3/62 รวม 385 คัน และอยู่ระหว่างการเจรจาหลายรายคาดว่าจะได้ข้อสรุปในครึ่งปีหลังนี้ 2 ราย
ขณะที่ธุรกิจให้บริการรถท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดี แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชะลอตัว แต่บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวภาคตะวันออก และรถรับส่งนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพ-เกาะพะงัน ยังมีความต้องการใช้บริการอย่างปัจจุบันบริษัทมีจำนวนลูกค้าที่ให้บริการ 40 รายและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วย
โบรกเคาะเป้า 2.16 บาท
ด้านบล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ATP30 ราคาเหมาะสม 2.16 บาท มั่นใจทั้งกำไรและรายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากการขยายฐานของลูกค้าใหม่ และลูกค้ารายเดิมยังคงเซ็นสัญญาใช้บริการต่อโดยบริษัทมีแผนขยายรถโดยสารในปีนี้ทั้งหมด 30 คัน สู่ระดับ 400 คันในปลายปีนี้ ล่าสุดครึ่งปีแรกเพิ่มไปแล้ว 25 คัน เพื่อรองรับลูกค้าทั้งหมดที่เข้าจะเพิ่มมาในปีนี้ราว 3 ราย โดยไตรมาส 2/62 เริ่มให้บริการไปแล้ว 2 ราย และอีก 1 ราย จะเริ่มให้บริการ 1 ส.ค. 62 ที่ผ่านมา
ดังนั้นทั้งปี 62 คาดรายได้อยู่ที่ 479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิที่ 49.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน เพราะได้รับอานิสงส์รถหมดค่าเสื่อมราคาในปีที่ผ่านมา หนุนเปอร์เซ็นต์ GPM ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 27% เทียบกับปี 61 ที่ระดับ 25.6% และยังได้ปัจจัยสนับสนุนจากรถหมดภาระผ่อนในปีนี้อีกราว 27 คัน ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายทางการเงินต่อรายได้ปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 3.56% จากปี 61 อยู่ที่ระดับ 3.74% ส่งผลให้กำไรปี 62 เติบโตดีขึ้น