มิติหุ้น – บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA Group ประกาศกำไรจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2562 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าอยู่ที่ 3,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% และมีกำไรสุทธิ 1,052 ล้านบาท เติบโตกว่า247% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการโอนที่ดิน ซึ่งบริษัทฯ สามารถโอนที่ดินได้ประมาณ 600 ไร่ ในช่วงครึ่งปีแรก ประกอบกับการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจสาธารณูปโภค ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าอยู่ที่ 6,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และมีกำไรสุทธิ 1,459 ล้านบาท เติบโตกว่า 35%
ด้าน GROUP CEO “นางสาวจรีพร จารุกรสกุล” ระบุครึ่งปีหลังธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าจ่อเซ็นสัญญา LOT ใหญ่ อานิสงส์จากสงครามการค้า และโครงการ EEC รวมทั้งการต่อยอดการลงทุนในเวียดนาม ทั้งธุรกิจสาธารณูปโภคที่จะเพิ่มกำลังการผลิตของธุรกิจน้ำกว่า 109,500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และธุรกิจนิคมฯ อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรเวียดนาม และเตรียมขายทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้กับกองทรัสต์ WHART และ กองทรัสต์ HREIT หนุนผลงานเติบโตอย่างโดดเด่น
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำธุรกิจแบบครบวงจร ด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 3,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% % และมีกำไรสุทธิ 1,052 ล้านบาท เติบโตกว่า 247% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการโอนที่ดินได้ประมาณ 600 ไร่ ตามการขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจจากการได้รับอานิสงค์จากสงครามการค้าโลก ที่มีการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังไทย อีกทั้งการสนับสนุนของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC ผลักดันต่อภาพรวมการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งบริษัทฯ มีรายได้ในธุรกิจสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายและให้บริการน้ำตามความต้องการใช้น้ำของโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปตามจำนวนโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ทยอยการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ มีการเปิด COD ของโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมคือ โรงไฟฟ้า กัลฟ์ เอ็นแอลแอล 2 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และโครงการเก็คโค่-วัน กลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติหลังจากที่ปิดปรับปรุงไป 39 วันในไตรมาส 1 ปี 2562 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 6 เดือนแรก มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 6,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และมีกำไรสุทธิ 1,459 ล้านบาท เติบโตกว่า 35%
ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2562 ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี2562 ยังมีลูกค้าที่รอเซ็นสัญญาเช่าคลังสินค้าจำนวนมากซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร ได้รับอานิสงค์จากการเติบโตของธุรกิจE-Commerce กอปรเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่นิคมฯ ของ WHA Group ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ส่งเสริมโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐ และสงครามการค้าที่ยืดเยื้อของสหรัฐอเมริกา และจีน
สำหรับความชัดเจนด้านการลงทุนในเวียดนามของ WHA Group นั้น บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนด้านสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น โดย WHA Group ได้เข้าร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 34ของหุ้นทั้งหมดของ บริษัท Duong River Surface Waterplant JSC (SDWTP) ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำประปาในเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยในปัจจุบันมีกำลังการผลิต 54,750,000 ลูกบาศเมตรต่อปี และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 109,500,000 ลูกบาศเมตรต่อปี มีกำหนดการแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 รวมถึงบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาการร่วมมือทางธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับพันธมิตรในประเทศเวียดนามด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ธุรกิจบริการด้านพลังงาน บริษัทฯ มีการพัฒนาการให้บริการต่างๆเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงโครงการ Solar Rooftop ที่ปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการเซ็นสัญญาดำเนินการแล้ว 14.50 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับเป้าการให้บริการเพิ่มขึ้นในอนาคต
พร้อมกันนี้บริษัทฯ เตรียมแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) มูลค่า 4,880 ล้านบาท และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (กองทรัสต์ HREIT) มูลค่าประมาณ1,400 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายและสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2562 และไตรมาส 1/ 2563 ตามลำดับ