คอลัมน์ KTBST Build Your Net Worth
ชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์
บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)
ทิศทางตลาดสัปดาห์นี้แนวโน้มยังไม่สดใส หลายปัจจัยยังกดดันการลงทุนต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นใหญ่คือเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐฯเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจีนอีกรอบมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ ขณะที่จีนได้ปรับเงินหยวนให้อ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ เพื่อหนุนการส่งออก ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลมากขึ้นว่า ทั้ง 2 ประเทศจะไม่บรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการณ์เติบโต จีดีพี สหรัฐฯในครึ่งหลังของปี 2019 นี้ลง ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์ที่ผ่านมาปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน บวกกับประเด็นที่เริ่มสร้างความกังวลเพิ่มขึ้นคือการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่รุนแรงขึ้น
ความกังวลของตลาดทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรและทองคำปรับตัวขึ้น โดยราคาทองคำเช้าวันอังคาร (13 ส.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 1,526 เหรียญฯ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการในวันอังคาร (13 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลงอย่างแรง ปิดตลาดในภาคเช้าที่ระดับ 1,636.33 จุด ลบ -14.31 จุด หรือ -0.87 %
ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศที่สำคัญ คือ กำหนดการส่งงบการเงินของไตรมาส 2 โดยวันที่ 14 ส.ค. จะเป็นวันสุดท้าย ล่าสุดจากการรวบรวมของ KTBST พบว่ากำไรไตรมาส 2 ที่รายงานมา 180 บริษัท กำไรติดลบ -11% YoY; -12% QoQ แต่ KTBST ประเมินว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 จะออกมาอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท -11% YoY; -15% QoQ ซึ่งตัวเลขที่ชะลอลงนี้ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่นักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนลง รวมทั้งเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นในปีนี้ด้วย สำหรับสัปดาห์นี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคือ การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาอยู่ที่ 1.7% และรายงานตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐในเดือนก.ค. ในวันที่ 15 ส.ค. คาดว่าจะออกมาบวกที่ 0.3%
โดยภาพรวมของกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ ด้วยความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่ยังไม่มีความคืบหน้ารวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี จากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่หดตัวลง ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิ (Net sell) ในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจนดัชนีฯหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,660 จุด สะท้อนว่าถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนลดลง
ดังนั้นในช่วงนี้ KTBST แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น กลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ , ธนาคาร รวมถึงกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ โดยแนะนำลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) ขึ้นไป รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ รีท ที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้” https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php