ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.จี แคปปิตอล หรือ GCAP โดย “นายสเปญ จริงเข้าใจ” กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 (1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2562) มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวมจำนวน 552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดการปล่อยสินเชื่อ 524 ล้านบาท โดยสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อใหม่ของ GCAP แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 62% และสินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคล 38%
โดยงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 146 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16% เมื่อปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้รวม
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) วันที่ 27 สิงหาคม 2562 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 6 กันยายน 2562 นี้
“กลยุทธ์ที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามกระจายประเภทของสินเชื่อไม่ให้กระจุกตัว เพื่อลดความเสี่ยงแต่ขณะนี้เรามีสินเชื่อสบายใจอันดามัน เป็นสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรเรือและสินเชื่อในการซ่อมบำรุง สำหรับธุรกิจเรือท่องเที่ยว เข้ามาช่วยเสริมรายได้ รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทได้เปิดให้บริการสินเชื่อธุรกิจแฟ็คตอริง เป็นประเภทสินเชื่อที่เหมาะกับกิจการที่มีลูกหนี้การค้าไปขายให้กับบริษัทที่ทำแฟ็คตอริง เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในกิจการระยะเวลาอันสั้น เป็นการนำบัญชีลูกหนี้การค้าที่ยังไม่ครบกำหนดวันรับเงิน มาหมุนเป็นเงินลงทุนก่อน เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเสริมรายได้ของบริษัทให้เติบโตแข็งแกร่งในอนาคต” นายสเปญ กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก หลังจากที่บริษัทได้เดินหน้าขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ ผ่านการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร และภาคธุรกิจท่องเที่ยว ให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันแผนการดำเนินธุรกิจช่วงที่เหลือจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยการติดตามเจรจาหนี้สินจากลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับโครงสร้างและระบบการทำงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าการปรับปรุงดังกล่าวจะผลักดันการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้ดีขึ้น
สำหรับปีนี้ยังคงตั้งเป้าควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้ไม่เกิน 5% ภายในสิ้นปีนี้ โดยไตรมาส 2/2562 มีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 8% ลดลงจากไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 14% และตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ที่ 1,500 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ 75% สินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคลอีกร้อยละ 25% คาดการณ์สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อจะเติบโตสูงขึ้นจากการขยายฐานลูกค้า อีกทั้งคู่ค้าในส่วนของเครื่องจักรกลทางการเกษตรจะออกสินค้าใหม่ ทำให้บริษัทประเมินทิศทางการขอสินเชื่อเช่าซื้อจะเพิ่มขึ้นตามสินค้าใหม่เช่นกัน
ด้านความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “สบายใจมันนี่” ร่วมกับ บริษัท 9F International Holding PTE. LTD ซึ่งเป็นบริษัททางการเงินชั้นนำจากประเทศจีน หลังได้มีการลงนามร่วมทุนอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ 9F ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อนุมัติไลเซนส์สินเชื่อส่วนบุคคลใหม่ ในนามบริษัทร่วมทุนแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาส 3/2562 ตามแผน
www.mitihoon.com