“SUPER “ ทุ่ม 180 ลบ.เทคฯ APL- MNY ต่อยอดธุรกิจ โชว์งบQ2/62 รายได้เพิ่มขึ้น 10%

196

มิติหุ้น – บอร์ด “SUPER”ทุ่มงบ 180 ล้านบาทเข้าลงทุน บริษัท “ อพอลโล่ โซล่าร์ และ เมืองไทยน่าอยู่ เพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทน พร้อมแจ้งงบไตรมาส 2/62 สดใส กวาดรายได้ 1.58 พันล้านบาท รับอานิสงส์โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว รับรู้ต่อเนื่อง  ฟากบอส SUPER  “จอมทรัพย์ โลจายะ” แย้มธุรกิจครึ่งปีหลังไปต่อจากการทยอยรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฯเวียดนาม พร้อมCODแล้ว วางเป้าหมายขึ้นแท่นผู้นำด้านพลังงานทดแทนของภูมิภาคเอเชีย ปี2563

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์โซล่าร์เอนเนอร์ยีจํากัด (“SSE”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทําสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท อพอลโล่ โซล่าร์ จำกัด  (“APL”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท จากผู้ถือหุ้นเดิม 2 ราย ในสัดส่วน 25.57 %ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 50,625,000 บาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญใน APL ครั้งนี้ส่งผลให้ SSE ถือหุ้นAPL เพิ่มขึ้นจากเดิม  48.86 เป็น 74.43 %ของทุนจดทะเบียนของ APL   ทั้งนี้ APL ดําเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการกำลังการผลิตติดตั้ง 5.4 เมกะวัตต์

รวมทั้งให้บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จํากัด (“SUPER EARTH”) เข้าทํารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เมืองไทยน่าอยู่ จํากัด  ( MNY”) จาก บริษัท เอนเนอร์จี รีพลับบลิค จํากัด  (“Energy Republic”) ในสัดส่วน 92.54 %ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 120 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญในเมืองไทยน่าอยู่ในครั้งนี้ส่งผลให้ SUPEREARTH เข้าถือหุ้นทางอ้อมในบริษัท หนองคายน่าอยู่ จํากัด (“NKNY”) ในสัดส่วน 62%ของทุนจดทะเบียนของ NKNY  รวมทั้งการจัดตั้ง บริษัทซุปเปอร์ วอเตอร์ พีพีเอส จํากัด บริษัททย่อย  เพื่อรองรับการขยายธุรกิจผลิตและจําหน่ายน้ำ 1,000,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จํานวน 100,000 หุ้น  ในมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งการขยายการลงทุนดังกล่าวจะเป็นเพิ่มโอกาสในการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2562   สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,580.66 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,439.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น จำนวน 140.94 ล้านบาท หรือ 9.78% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 352.53 ล้านบาท

สาเหตุการเติบโตดังกล่าว มาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม) สหกรณ์การเกษตร เฟส 2 กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ ที่มีการทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาส 1 /2562 สามารถรับรู้ได้เต็มในไตรมาส  โครงการโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 9.9  เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เพิ่มเติม 

สำหรับทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง มั่นใจว่ามีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม ที่ CODไปแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) จำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 186.72 เมกะวัตต์

รวมทั้งจะมีโครงการใหม่ในเวียดนามเพิ่มอีก 1 โครงการ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนต.ค.นี้ นอกจากนี้ SUPERจะมี COD ในส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะที่จังหวัดพิจิตร ขนาดกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ยอดรวม COD สิ้นปีนี้แตะ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 800-900 เมกะวัตต์

นายจอมทรัพย์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมในตลาดต่างประเทศ โดยจะเข้าไปลงทุนในกลุ่มอาเซียมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563

“เรายังคงมองหาโอกาสในการลงทุน ด้านพลังงานทดแทนในตลาดต่างประเทศ ทั้งด้านโรงไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องเพราะจะเห็นว่า ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาด CLMV มีจีดีพีเติบโตค่อนข้างสูง อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (IRR )สูง ซึ่งจะสนับสนุนต่อช่องทางและฐานรายได้ในอนาคต และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายจอมทรัพย์กล่าว