MALEE เร่งเพิ่มรายได้ตปท.60% หุ้นอัพไซด์สูง-เชียร์ซื้อ

237

มิติหุ้น – MALEE สวยสดชื่น ปักธงรายได้ปีนี้โต 30% ลุยปั้นยอดขายต่างประเทศเพิ่ม หวังสัดส่วนเพิ่มเป็น 60% ภายใน 3 ปี วางเป้ารายได้ปีหน้าแตะ 10,000 ล้านบาท กูรูเชื่อผลงานสดใส ราคายังมีอัพไซด์สูง แนะนำซื้อ เป้า 53 บาท 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. มาลีกรุ๊ป หรือ MALEE โดยนางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30%  จากการจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจะเน้นเจาะในตลาดเพื่อนบ้านเป็นหลัก โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ที่บริษัทได้ตั้งบริษัทร่วมทุน ระหว่าง PT Kino Indonesia Tbk (KINO) โดยถือหุ้นสัดส่วน 51%

โดยกระบวนการนั้น จะนำผลิตภัณฑ์จำหน่ายได้ในช่วงกลางปี โดย KINO นำสินค้าของ MALEE ไปเจาะตลาดในอินโดนีเซียอย่างเต็มประสิทธิภาพ ขณะที่ MALEE จะนำสินค้าจาก KINO มาทำการตลาดภายในประเทศไทย เชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ราว 1,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3-4 ปีนับจากนี้

เพิ่มยอดขายตปท.ดันสัดส่วน 60%

โดยประเมินว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศภายในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นแตะ 50% จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 38% พร้อมทั้งตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศแตะระดับ 60% ได้ภายใน 3 ปีจากนี้

ล่าสุด บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ สอง ควน เซฟ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มในเวียดนาม ด้วยสัดส่วน 65% หรือคิดเป็นมูลค่า 330 ล้านบาท ซึ่งจะหนุนให้ขีดความสามารถในการผลิตเครื่องดื่มของบริษัท เพื่อขึ้นแท่นสู่เป้าหมายการเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพระดับโลกในปี 2564

ตั้งเป้ารายได้ทะยาน 1 หมื่นลบ.

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ตั้งเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปกติ 6-8% ในปี 2562 โดยมาจากการเติบโตของยอดขายต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในอาเซียน

ด้าน บล.เออีซี เผยว่า ภาพรวมธุรกิจของ MALEE ภายในปี 2561 เชื่อว่าจะออกมาค่อนข้างโดดเด่น โดยมีปัจจัยหนุน 1.โอกาสจากลูกค้ากลุ่มน้ำมะพร้าวกลับมาสั่งซื้อ หลังปรับปรุงคุณภาพน้ำมะพร้าวใหม่ทั้งระบบ Supply Chain เสร็จแล้ว 2. โอกาสได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น หลังบริษัทเริ่มดำเนินผลิตเครื่องดื่มขวด PET ด้วยเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย และ 3.การรุกตลาดต่างประเทศด้วยแบรนด์สินค้าตัวเอง ทั้งรูปแบบ Joint Venture และการตั้งตัวแทนจำหน่าย  จึงคาดว่ากำไรสุทธิของ MALEE ปีนี้จะอยู่ที่ 562 ล้านบาท

อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside 42.3% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 53 บาท (วิธี DCF) และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรช่วงครึ่งปีหลัง หุ้นละ 0.32 บาท คิดเป็น Div. Yield  0.86%  จึงคงแนะนำ “ซื้อ”