SMPC ป้อนถังแก๊สล็อตใหญ่ส่งตลาดเอเชียใต้-ชี้งบครึ่งปีหลังโตทะยาน

635

มิติหุ้น-นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหมิตรถังแก๊ส  SMPC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่าง ๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่ง พลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ  เปิดเผยถึง แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายอดขายจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากความต้องการถังแก๊ส LPG ในภูมิภาคเอเชียใต้ และประเทศในทวีปแอฟริกา ที่มีการเปลี่ยนมาใช้ LPG แทนฟืนและเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม ซึ่งทั้ง 2 ภูมิภาคนี้ เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ SMPC  ถึงแม้ปัจจุบันจะเกิดสภาวะสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา แต่เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลที่ดีต่อบริษัท ทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น

“ทิศทางครึ่งปีหลังปริมาณขายส่วนใหญ่จะมาจากทวีปแอฟริกา และสหรัฐอเมริกา  ซึ่งขณะนี้เริ่มมีออเดอร์เข้ามา ขณะที่ตลาดในประเทศปีนี้เราประมูลได้งาน มีทั้งการผลิตถังใหม่และถังซ่อม มากกว่าปีก่อน  อย่างไรก็ตาม  บริษัทฯได้รุกขยายตลาดภูมิภาคใหม่ๆ เช่น ละตินอเมริกา  รวมถึงผลิตสินค้าที่เป็น High Value  เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ผ่านการรับรองมาตรฐานที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากขึ้น  ล่าสุดบริษัทฯมีเป้าหมายส่งถังแก๊สขนาดใหญ่ไปขายที่ประเทศแถบเอเชียใต้ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนจากถังขนาดเล็ก   มาเป็นถังขนาดใหญ่ขนาด 250 กิโลกรัม เป็นโอกาสของบริษัทฯในการขยายตลาดและทำกำไรเพิ่มขึ้น โดยเป้ายอดขายในปี 2562 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับปี 2561 ที่ผ่านมา” นายสุรศักดิ์ กล่าว

อีกทั้งปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนราว 100 ล้านบาท เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ โดยนำระบบหุ่นยนต์มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ด้านความคืบหน้าการลงทุนในต่างประเทศเพื่อก่อสร้างโรงงานใหม่กำลังการผลิต 2.5 ล้านใบต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ขณะนี้มีความชัดเจนค่อนข้างมาก มีการเจรจาในเรื่องโครงสร้าง  โดยคาดว่า SMPC น่าจะเป็นผู้ถือหุ้นหลัก คาดจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้  ทั้งนี้ในการเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศนั้น  บริษัทมองว่าจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการขนส่งสินค้า สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ใกล้ชิดขึ้น  รวมถึงอาจได้ประโยชน์ทางภาษีมากกว่าที่จะส่งออกเข้าไปยังประเทศนั้น เพราะบางประเทศมีกำแพงภาษีที่สูงมาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าในแถบประเทศนั้นได้

www.mitihoon.com