มิติหุ้น-“ KTBST แนะชะลอการลงทุน รอสัญญาณตลาดกลับมาเป็นบวก หลังสหรัฐฯกับจีนตอบโต้ภาษีกันอีกครั้ง ประเมินตลาดต้นสัปดาห์ผันผวนสูง แนะนำพักเงินในหุ้นเสี่ยงต่ำใน กลุ่ม Domestic play , ผู้ผลิตไฟฟ้า , กลุ่มโทรศัพท์ และกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลสูง มองกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ 1,600-1,660 จุด”
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (26-30 ส.ค.62) มีประเด็นที่สร้างความตรึงเครียดให้กับตลาดคือ การประกาศเก็บภาษีนำจากจีน มูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯก็ตอบโต้ด้วยการขยับเพิ่มภาษีนำเข้าจากระดับจากระดับ 25% เป็น 30% และเพิ่มภาษีสินค้าที่เตรียมเรียกเก็บในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ปรับจาก 10% เป็น 15% รวมทั้งยังขอให้บริษัทของสหรัฐฯย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนด้วย ทำให้ช่วงต้นสัปดาห์ตลาดจะมีแรงกดดันจากปัจจัยนี้ ขณะเดียวกันแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดดอกเบี้ยนั้นมีน้อยลง
ทั้งนี้ เป็นการตอบโต้ของทั้ง 2 ประเทศ ที่เรายังไม่เห็นท่าทีว่าจะลดปัจจัยลบลงแต่อย่างใด KTBST ประเมินก่อนหน้านี้ว่า ตลาดคาดว่าสองฝ่ายมีแนวโน้มจะจบการเจรจาการค้าลงได้ แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยคาดไม่ถึงของตลาดและกลับมามีผลต่อทิศทางตลาดโลกอีกครั้ง หากไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าจะยอมมีการเจรจากันก่อนที่การเก็บภาษีจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. จะกดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยงรวมทั้งตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) เช่น พันธบัตรรัฐบาล และ ทองคำ จะปรับตัวสูงขึ้น และมีโอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยนั้นกลับมีมากขึ้น ล่าสุดมีความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยลงไปที่ระดับ 1.50% ในปีหน้าจากปัจจุบันที่ 2.25% ส่วนปัจจัยอื่น คือ สถานการณ์ชุมนุมในฮ่องกงดูรุนแรงขึ้น ขณะที่ตัวแปรในประเทศ คือ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตัวเลขส่งออกที่ติดลบน้อยลงจะช่วยพยุงตลาดไว้ได้ ประเด็นที่ต้องติดในสัปดาห์นี้คือ การประกาศตัวเลข จีดีพี ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ
ดังนั้นโดยภาพรวมของตลาด KTBST มองว่า ช่วงต้นสัปดาห์ตลาดจะถูกกระทบจากข่าวเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐฯกับจีน เราแนะนำชะลอการลงทุนและปรับมาถือเงินสดเพิ่มเป็น 40% จนกว่าจะมีสัญญาณที่จะพลิกตลาด โดยหุ้นกลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ ,ชิ้นส่วนรถยนต์ ,น้ำมัน , ปิโตรเคมี มีความเสี่ยงจากสงครามการค้าโดยตรง นักลงทุนอาจเลือกพักเงินในหุ้นที่เสี่ยงต่ำและมีธุรกิจหลักในประเทศ หรือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ หรือมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (Domestic play) ได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค (RATCH , GULF, BGRIM) รวมไปถึงกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) และกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และพลังงานและสาธารณูปโภค ที่จ่ายเงินปันผลสูงที่นักลงทุนสามารถพักเงินได้ (HREIT และ EGATIF)
“KTBST เน้นถือเงินสดและหุ้นปลอดภัยในช่วงวันแรกของสัปดาห์จากภาวะตลาดจะผันผวนสูง โดยหุ้นที่ แนะนำในสัปดาห์นี้ คือ ADVANC , HREIT และ EGATIF และจะมีการปรับพอร์ตเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในวันถัดไป คาดดัชนีฯสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,660 จุด” ดร.วินกล่าว