ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พรอดดิจิ หรือ PDG ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ประเภทขวด Polyethylene Terephthalate (ขวด PET) โดย “นายธงชัย ตันสุทัตต์” กรรมการผู้จัดการ เผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดกว้างเจรจาพันธมิตรเพื่อร่วมทุนขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในระยะถัดไป โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดสูง กำไรสะสมถึง 286.52 ล้านบาท และ D/E ต่ำเพียง 0.22 เท่า ซึ่งสามารถขยายธุรกิจได้อีกมาก
เด้งรับราคาวัตถุดิบลดฮวบ
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/62 จะเติบโตสูงกว่าไตรมาส 3/61 ที่มีกำไรสุทธิที่ 10.82 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงได้รับอานิสงส์ราคาวัตถุดิบลดลง ทำให้ต้นทุนลดลงผลักดันให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าช่วงไตรมาส 3/62 จะ “อ่อนตัวลง” จากไตรมาส 2/62 ที่มีกำไรสุทธิที่ 22.10 ล้านบาท เพราะมีลูกค้ารายใหญ่ 1 ราย ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบในการสั่งออเดอร์ทำให้รายได้ปรับตัวลดลงแต่บริษัทจะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามาชดเชยได้ในที่สุด
ฮุบลูกค้าใหม่เพิ่ม4 ราย
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/62 จะกลับมาเติบโตโดดเด่น เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับบริษัทจะได้ฐานลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม 3-4 ราย อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ทำให้ปริมาณออเดอร์กลับมาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตขวด PET อยู่ที่ 61.5 ล้านขวด/เดือน
ด้าน “กลุ่มผลิตภัณฑ์พรีฟอร์ม” กำลังเติบโตได้ดี โดย “พรีฟอร์ม” จะรองรับลูกค้าที่ต้องการจะเป่าขวดเองหรือลูกค้าที่มีเครื่องเป่าขวด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ PDG ที่ได้เริ่มจำหน่ายไปเมื่อไตรมาส 2/61 โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มน้ำดื่ม เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีกำลังผลิตอยู่ที่ 20 ล้านขวด/เดือน
หุ้นเทิร์นอะราวด์-เป้า4.20บ.
ด้าน “บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)” เผยว่า ฝ่ายวิจัยชอบ PDG ในฐานะหุ้นขนาดเล็กที่มีโอกาส Turnaround ซึ่งได้แรงหนุนจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.การกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นของ “กลุ่มเครื่องดื่ม” จะทำให้คำสั่งซื้อขวดน้ำ (35% ของรายได้รวม) เร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง , 2.การรับรู้รายได้หลอดพรีฟอร์มที่เป็นธุรกิจใหม่เต็มปี (คาดเพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวม จากเพียง 3% ในปีก่อน)
อีกทั้ง 3.ต้นทุน PET ที่ทรุดตัวลงแรง หนุนอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 41.5 บาท/ก.ก. ต่ำสุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน และ 4.ช่วงครึ่งปีหลังจะเป็น High Season ของกลุ่มขวดน้ำมันพืช ดังนั้นทั้งปี 62 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน และปี 63 คาดกำไรสุทธิที่ 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 7% จากปีก่อน ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PER2562 เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 15 เท่า และคาดให้ผลตอบแทนจากปันผลทั้งปีสูงถึง 7% แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 4.20 บาท
www.mitihoon.com