มิติหุ้น – กลุ่มอิศรภักดี ปรับกลยุทธ์องค์กรครั้งใหญ่ “Next DOD” ดึง 4 ผู้บริหารมือดี ดูแลครอบคลุม 4 สายงานหลัก สร้างความแข็งแกร่ง แต่งตั้ง “ธนา รังสิกุล” ขึ้นแท่นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ รับไม้ต่อขยายกิจการผงาดสู่ผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบบครบวงจร ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย พร้อมเดินหน้า ดึง Strategic Partner ต่อยอดขยายตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ สานต่อนโยบายมุ่งสู่เป้าหมายผู้นำด้าน One Stop Service Solution พร้อมระบุ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ และ กลุ่มอิศรภักดี ยังคงถือครองหุ้นในสัดส่วนเดิม
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD มีมติแต่งตั้ง นายธนา รังสิกุล เข้าดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท , ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ แทนการลาออกของนางสาวเรณุมาศ อิศรภักดี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมการบริษัท ,ประธานกรรมการบริหาร ,ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(รักษาการ) ,กรรมการผู้จัดการ (รักษาการ) ,รองกรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติการ ได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2562 เป็นต้นไป เนื่องจากติดภาระกิจอื่นๆ
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงคนใหม่อีก 3 ราย ประกอบด้วย นายเอกภูศิษฐ์ บุญศิริยศฐากุล ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ,กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ ,นายวรรัตย์ จรูญสมิทธ์ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด และนางสาวอภิรดี วังวิทยา ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน (CFO) โดยทุกตำแหน่ง ให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป
สำหรับแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในครั้งนี้ เป็นเพียงการปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเท่านั้น ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ และกลุ่มอิศรภักดี ยังคงถือครองหุ้นในสัดส่วนเดิม โดยทางกลุ่มอิศรภักดี มีความมั่นใจ ในการผลักดันทีม“Next DOD”รุ่นใหม่ ที่จะเข้ามานำพาองค์กร เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย และมุ่งสู่ระดับโลกต่อไป ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯเติบโตมากขึ้นหลายเท่าตัว จึงจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ผู้บริหารมืออาชีพ ที่มีความพร้อมทั้งประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเข้ามาบริหารงาน ให้บรรลุเป้าหมายขยายธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งเทียบบริษัทชั้นนำ
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทฯได้เรียนเชิญ MS.TAN SIEW SAN อดีตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในประเทศสิงคโปร์ อีกทั้ง ในปัจจุบัน ท่านยังร่วมดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริษัทชั้นนำในเอเชียหลายบริษัท เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทและกรรมการอิสระ ของDOD ซึ่งการตอบรับเชิญในการเข้ามาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ บริษัทฯถือว่าเป็นการได้รับเกียรติอย่างสูง จากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มากด้วยความรู้ ความสามารถ เกี่ยวข้องกับงานด้านต่างประเทศเป็นอย่างดี ที่สำคัญยังมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาล และหน่วยงานสำคัญของไทยและสิงคโปร์ รวมถึงประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียด้วย โดยการเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯของอดีตเอกอัครราชทูตฯ นับว่าเป็นการช่วยผลักดันให้บริษัทฯขยายฐานลูกค้า และยังเป็นการเปิดโอกาส ในการเพิ่มช่องทางการต่อยอดธุรกิจ ไปยังบริษัทชั้นนำในเอเชีย อาทิ สิงคโปร์,เกาหลี,ญี่ปุ่น,อินโดนีเซีย และจีน ได้เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น จากแผนการปรับโครงสร้างการบริหาร ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ทำให้เห็นได้ว่า DOD มีการส่งไม้ต่อ ไปยังทีมงานผู้บริหาร ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ ในการบริหารธุรกิจ ซึ่งเป็นการันตีถึงประสบการณ์ของทีมผู้บริหารชุดใหม่ ที่จะช่วยสร้างความเติบโต และก่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรและผู้ถือหุ้น อย่างสูงสุด
นายธนา รังสิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า ภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 โดยส่วนตัวและทีมคณะผู้บริหารชุดใหม่ มีความพร้อมในการเดินหน้าสานต่อขับเคลื่อนนโยบายบริษัทฯให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของบริษัทฯที่วางไว้ก่อนหน้า เพื่อให้สอดรับกับแนวทางพัฒนาการให้บริการในรูปแบบ One Stop Service Solution สู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แบบครบวงจร ในระดับภูมิภาคเอเชีย (Regional) และไปสู่ระดับโลก (Global) ในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อน DOD ซึ่งการเข้ามารับช่วงต่อครั้งนี้ ถือว่าเป็นความท้าทายกับทีมคณะผู้บริหารใหม่ทุกคน ที่จะเข้ามาสานต่อนโยบายตามเจตนารมณ์ ของกลุ่มอิศรภักดี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฯจนนำพาบริษัทฯก้าวเข้าสู่มาเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งหลังจากนี้ต่อไปจะเป็นทีมผู้บริหารชุดใหม่ มารับช่วงต่อในการบริหารงานภายในองค์กรทั้งหมด โดยยอมรับ DOD มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการแตกไลน์ธุรกิจ พร้อมทั้งดึงพันธมิตรทางธุรกิจ มาร่วมเป็น Strategic Partner ซึ่งเป็นกลุ่มในประเทศ และ ต่างประเทศ ในการต่อยอดธุรกิจตั้งแต่ปลายปี2561ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน
“ การเข้ามาดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ จะเข้ามาผลักดันผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆมิติ ผ่านการบริหารงานอย่างมืออาชีพ เพื่อต่อยอดธุรกิจดันยอดขาย ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการเปิดโอกาสในการหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เตรียมยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้สามารถขับเคลื่อน ในการผลิตและรองรับออเดอร์ใหม่ๆที่จะเข้ามาได้เพิ่มมากขึ้น ” นายธนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมคณะผู้บริหารชุดใหม่ จะยังคงเดินหน้าสานต่อแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดผลการดำเนินงานให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ยอมรับว่าทิศทางธุรกิจปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จาก ยอดออเดอร์ ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ จากบริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด (DOD ถือหุ้นอยู่ 80%) ซึ่งดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง
ภายใต้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติทั้งหมด อาทิ One Whey (เวย์โปรตีน) , Levarean (เลวารีน), Prepo Fiber and Detox (เพรโป), Callox (แคลล็อกซ์), Zinegra (ซิเนกร้า) ,DOD H.Coffee (ดีโอดี เอช. คอฟฟี่) และ R3verse Vine (อาร์3เวิสวายน์) โดยล่าสุดมีออเดอร์ เข้ามาแล้วมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลรูปร่างและผิวพรรณ,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ
ในขณะที่บริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA) ดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และสกินแคร์ แบบครบวงจร ซึ่งเป็นการลงทุนผ่าน บริษัท ดีโอดี เฮ้ลท์ตี้ไลฟ์ จำกัด(DOD ถือหุ้นอยู่ 99.99%) นั้น หลังจากที่บริษัทฯได้มีการออกแบบ คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายชนิดผลิตภัณฑ์ อาทิ ครีมกันแดด แผ่นมาร์คหน้า ลิปสติก ครีมรองพื้น โฟมล้างหน้า ครีมสครับหน้า โลชั่นกันยุงสำหรับเด็ก ฯลฯ ส่งผลให้ล่าสุด มียอดออเดอร์ที่สั่งผลิตในรูปแบบ OEM เข้ามาแล้วคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ ตั้งแต่ไตรมาส3/2562 เป็นต้นไป
www.mitihoon.com