ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า กรณีที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 11.16% หรือ 6.12 ดอลาร์ แตะที่ระดับ 60.97 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย “บล.เอเซียพลัส” เผยว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น มาจากประเด็นแหล่งน้ำมันในซาอุฯ ถูกโจมตีด้วยโดรน 10 เครื่อง ซึ่งเป็นการโจมตีขั้นรุนแรงใส่โรงน้ำมัน (Oil Facility) ที่เตรียมส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย 2 แห่งจนเกิดไฟไหม้ คือ โรงน้ำมัน Abqaiq ใหญ่ที่สุดของซาอุฯและใหญ่สุดในโลก และ โรงน้ำมัน Hijra Khurais ใหญ่เป็นอันดับที่สองของซาอุฯ.
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้การผลิตน้ำมันของซาอุฯหยุดไป 50% และกระทบต่อการส่งออก (ปัจจุบันกำลังการผลิตของซาอุฯ มากที่สุดของกลุ่ม OPEC ราว 9.8 ล้านบาร์เรล หรือ 33%ของกลุ่มOPEC) และส่งออกน้ำมันมากที่สุดในโลกราว 6.8 ล้านบารเรล/วัน รองลงมาคือ สหรัฐ อันดับ 2 และ รัสเซีย ดังนั้นฝ่ายวิจัยเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบโลกให้ราคาน้ำมันยืนระดับสูงได้นานขึ้น โดยรวมน่าจะเป็นผลบวกต่อหุ้นพลังงาน อาทิ PTT – PTTEP
ด้าน “นักวิเคราะห์แห่งหนึ่ง” เผยว่า หุ้น “กลุ่มพลังงาน” ขึ้นยกแผง นำโดย ‘PTTEP-PTT-TOP-PTTGC-IRPC-ESSO’ ขานรับราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นจากข่าวแหล่งผลิตน้ำมันของซาอุโดนโจมตี โดยเช้านี้ (16 ก.ย.62) ตลาดหุ้นไทยเปิดปรับตัวขึ้นกว่า 6 จุด นำโดยหุ้น “กลุ่มพลังงาน” จากการเข้า “เก็งกำไร” ของนักลงทุน ที่มองว่าราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจะทำให้ “หุ้นพลังงาน” ได้รับอานิสงส์ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,668.77 จุด
อย่างไรก็ดีราคาหุ้นอาจตอบรับในช่วงสั้นๆตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรเข้า “เก็งกำไร” อย่างระมัดระวัง เนื่องจากเป็นการขึ้นของราคาน้ำมันที่เกิดจากเหตุการณ์ในระยะสั้น คาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติในราว 1 สัปดาห์
www.mitihoon.com