ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท จากความคลายกังวลต่อการที่ TU อาจจะต้องตั้งสำรองคดีความต่างๆ ซึ่งบริษัทชี้แจงว่าต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการพิจารณา และจะยังไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัท
ผนวกกับต้นทุนราคาปลาทูน่าอยู่ในระดับต่ำ โดยในเดือนส.ค. ราคาปลาทูน่าอยู่ที่ 1,350 เหรียญต่อตัน ปรับลดลง -7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ราคาปลาทูน่าเฉลี่ย 8 เดือนอยู่ที่ 1,320 เหรียญต่อตันลดลง 15% แม้จะมีการปรับขึ้นจากเดือนที่แล้ว แต่อยู่ในความคาดหมายเพราะเป็นช่วงห้ามจับปลาตามฤดูกาล ขณะที่การที่ชาวประมงสามารถจับทูน่าได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้ทำให้บริษัทสามารถบริหารวัตถุดิบได้ง่ายขึ้น โดยมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 15.0% จากปีที่แล้วที่ 14.1%
นอกจากนี้ การที่อินเดียประกาศแผนปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทภายในประเทศ จากเดิม 30% เหลือเพียง 22% นั้น ทำให้ TU มีโอกาศได้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในอินเดีย คือ Avanti Feeds ซึ่ง TU ถือหุ้น 24.6% เพิ่มขึ้น โดยคาดว่า TU จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปี 2562 ประมาณ 330 ล้านบาท ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีประมาณ 25 ล้านบาท หรือ 0.7% ของประมาณการกำไรสุทธิของ TU ในปี 2562 ซึ่งยังไม่มากนัก แต่อาจจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นในอนาคตจากธุรกิจกุ้งในอินเดียที่มีแนวโน้มความต้องการดีขึ้น
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติในปี 2562 อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท (+38% YoY) และมองไปในไตรมาส 3/62 แนวโน้มยังคงดีต่อเนื่อง แม้ว่าต้นทุนทูน่ามีโอกาสสูงขึ้นได้เพราะเป็นเวลาห้ามจับปลา แต่บริษัทได้มีการสำรองวัตถุดิบที่ราคาถูกไว้แล้ว
