มิติหุ้น- STEC โชว์งานในมือสูงลิ่ว 9.3 หมื่นล้านบาท จับตาผลงานช่วงครึ่งปีหลังโตฉลุย ปั๊มรายได้โต 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก เหตุทยอยบุ๊ก “โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ชมพู-เหลือง” เตรียมจับมือพันธมิตรชิงงานใหญ่ โครงการสนามบินอู่ตะเภา -รถไฟฟ้าสายสีส้ม-ม่วงต่อขยาย- EEC ทั้งปี 62 รายไดพุ่ง 3.2 หมื่นล้านบาท ชี้เป้า 24.80 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น หรือ STEC โดย “นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่สูงถึง 9.3 หมื่นล้านบาท
โชว์รายได้3.2หมื่นล.
โดยช่วงครึ่งปีหลัง คาดรายได้รวมจะแตะที่ระดับ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 1.49 หมื่นล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จาก “โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ชมพู-เหลือง”
ด้านมาร์จิ้นมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น จากงานโรงไฟฟ้า ศรีราชา และ จะนะ ที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ โดยทั้งปี 62 คาดรายได้รวมจะอยู่ที่ระดับ 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 14-15% จากปีก่อน ส่วนปี 63 คาดรายได้ราว 3.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 15%
ทั้งนี้ STEC ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ๆต่อเนื่อง โดยมีโครงการที่คาดหวัง เช่น โครงการสนามบินอู่ตะเภา (ประมูลร่วมกับพันธมิตร) มีวงเงินเป็นงานก่อสร้างราว 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกมีวงเงินก่อสร้างราว 2 หมื่นล้านบาท และคาดหวังได้รับงานอื่นๆจากภาคเอกชนจากกลุ่ม Commercial Building ราว 3-4 พันล้านบาท รวมถึงรอความคืบหน้างานประมูลภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ม่วงต่อขยาย ,งานรถไฟทางคู่เฟส 2 และงานในกลุ่ม EEC
ส่วน “โครงการรัฐสภา” ที่ STECได้รับงานเข้ามาก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการตั้งสำรองเพิ่ม โดยการตั้งสำรองก่อนหน้านี้ได้ครอบคลุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายของโครงการแล้ว ส่วนความคืบหน้าของการก่อสร้างคาดสิ้นปี 62 จะก่อสร้าง
ได้ประมาณ 60-70% และในปี 63 จะเก็บงานได้หมดและส่งมอบงานในช่วงปลายปี
ชิงงานใหญ่-ชี้เป้า 24.80บ.
โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อ STEC จากการรับงานใหม่ๆของภาครัฐ ทั้งในรูปแบบของการเป็นพันธมิตร, รับงานร่วมกับกลุ่ม เช่น BTS, RATCH, GULF และจากความสัมพันธ์ที่ดีทำให้มีโอกาสสูงในการรับงานก่อสร้างเพิ่มจากพันธมิตร เช่น GULF ทั้งจากการประมูลงานภาครัฐอื่นๆ และงานโรงไฟฟ้า รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Commercial Building ในรูปแบบของห้างสรรพสินค้า และ Mixed use จะช่วยเพิ่มการรับงานใหม่ในส่วนของภาคเอกชน ในช่วง 2-4 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ดีในปี 62-63 คาดกำไรสุทธิจะลดลงอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท และ 1.2 พันล้านบาทตามลำดับ จากผลกระทบจากโครงการรัฐสภาที่ยังคงอยู่และงานใหม่ที่มีมาร์จิ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่การที่ STEC เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีโอกาสรับงานสูง , การมี Backlog สูงกว่ากลุ่ม 9.3 หมื่นล้านบาท และสถานะการเงินแข็งแรง ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 24.80 บาท
www.mitihoon.com