‘เอส โฮเทลฯ (SHR)’ เคาะ IPO ช่วงราคา 5.10-5.50 บ./หุ้น คาดเข้าเทรด SET 12 พ.ย.

358
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ “SHR” บริษัทในเครือ บมจ.สิงห์ เอสเตท หรือ S ที่เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจโรงแรม โดย ม.ล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เคที ซีมิโก้ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น เปิดเผยว่า SHR ประกาศแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,437,456,000 หุ้น ราคาอยู่ในช่วง 5.10 -5.50 บาท/หุ้น เตรียมเปิดขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ S เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 ต.ค. 2562 และสำหรับประชาชนทั่วไป ในวันที่ 1-5 พ.ย.62 ผ่าน บมจ.ธนาคารกรุงไทย และบมจ.ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 4 แห่ง ได้แก่ บล.โนมูระ พัฒนสิน, บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.หยวนต้า (ประเทศไทย), และบล.เอเซีย พลัส
ทั้งนี้ จะกำหนดราคาขาย IPO ได้ในวันที่ 25 ต.ค.นี้ และคาดจะเข้าเทรดในตลท.ได้ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ โดย SHR ตั้งเป้าระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจโรงแรม มุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ (Prerier Hotel Inveatment & Resort Managernert Compวry) รองรับการเดิบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
นาย เดร็ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SHR เผยว่า SHR เป็น Holding Company ที่เน้นลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทระดับบนในราคาที่เข้าถึงได้ ที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมระดับโลก ปัจจุบัน SHR มีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 4,647 ห้อง จาก
โรงแรมและรีสอร์ทจำนวน 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ

สาธารณรัฐมอริเชียส และ สหราชอาณาจักร ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา SHR เป็นบริษัทในธุรกิจโรงแรมที่มีอัตราการเติบโตของการเพิ่มขึ้นของรายได้และจำนวนห้องสูงที่สุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งเทียบเคียงในอุตสาหกรรมที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งการเติบโตทั้งในรูปแบบของการเติบโตบนทรัพย์สินของตัวเอง (Organic Growth) แลพในรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการ (Inotganic Growth)

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2559-2561 มีรายได้รวมเดิบโตเฉลี่ย 63.1%
ต่อปี โดยมีรายได้รวม เท่ากับ 968.0 ล้านบาท 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ โดยครึ่งปีแรกของปี 2562 มีรายได้ที่ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 715.6 ล้านบาท ของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นร้อยละ 144.8 กำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยและภาษี ไม่นับรวมรายการพิเศษ (EBITDA) ของ SHR เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 58.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 EBITDA ตามงบการเงินรวมของ SHR เท่ากับ 348.9 ล้านบาท 514.3 ล้านบาท และ 877 4 ล้านบาท ตามลำดับ โดยครึ่งปีแรกของปี 2562 มี EBITDA เท่ากับ 461.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 266.0 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 73.5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และ EBITDA ของ SHR ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการบริการงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการซื้อโรงแรม Outrigger 6 แห่ง

“SHR มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจโรงแรมอีกกว่าเท่าตัว จากจำนวนโรงแรมและรีสอร์ท 39 แห่ง เป็น 80 แห่ง

ภายในปี 2568 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโดเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปี” นายเดิร์ก กล่าว
นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน SHR กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุน IPO จะถูกนำไปใช้ในการขยายธุรกิจโรงแรมและลงทุนในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเงินที่ระตมทุนมานั้น จะนำไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกิจการทั่วไป ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโครงการและค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท หรือ S กล่าวว่า การนำ SHR ซึ่งเป็นธุรกิจโรงแรม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับ S และตอกย้ำเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็น โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี (Global HoldingCompany) ในปี 2563 ได้อย่างสมบูรณ์ โดยสิงห์ เอสเตท ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนและพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก (Commercial & Retail) ธุรกิจโรงแรม(Hospitality) และธุรกิจที่พักอาศัย (Residential Development)
“หลังจากการทำ IPO แล้ว SHR ยังคงสถานะเป็นบริษัทย่อยของ สิงห์ เอสเตท เช่นเดิม โดยสิงห์ เอสเตท จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และถือหุ้น 58.8% ใน SHR” นายนริศ กล่าว
www.mitihoon.com