คาดผลประกอบการ 3Q19 ของกลุ่มโรงกลั่น เป็นลบ แต่จะฟื้นตัวอ่อนๆ ใน 4Q19

341

ผลประกอบการ 3Q19 ของกลุ่มโรงกลั่นทั้งกลุ่มจะออกมาน่าผิดหวัง เพราะผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน, มี Crude premium เพิ่มขึ้น, และมีค่าใช้จ่ายจากการหยุดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตามเราคาดว่า GRM จะฟื้นตัวขึ้นใน 4Q19 แต่เราคิดว่าตลาดจะปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มผลกำไรของกลุ่มโรงกลั่นใน 4Q19 จาก 1)อัตราค่าระวางขยับเพิ่มขึ้นจาก US$1.0-1.2/bbl ใน 3Q19 เป็น US$4.0-5.0/bbl เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม ก่อนที่จะลดลงมาเหลือ US$3 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคมเป็นผลจากสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตร COSCO บริษัทเรือบรรทุกน้ำมันของจีนเมื่อปลายเดือนกันยายน ทั้งนี้น้ำมันดิบที่นำเข้าจากตะวันออกกลางคิดเป็น 75% ของ TOP, 65% ของ SPRC ในขณะที่ BCP ไม่มีเลย (50% ของ PTTGC, 66% ของ IRPC) เราคาดว่า TOP จะถูกกระทบน้อยกว่าเพื่อนจากการที่อัตราค่าระวางที่สูงขึ้น เพราะ 75% ของอุปทานน้ำมันดิบที่ต้องใช้มีการทำสัญญาระยะยาวกับบริษัทขนส่งทางทะเล 2) Crude premium ของ light crude ก็เพิ่มขึ้นเป็น US$4.1 ในเดือนกันยายน จากระดับเฉลี่ยที่ US$3.4 ใน 3Q19 และ US$2.7 ใน 2Q19 และ 3) ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจะยังกดดันให้กลุ่มโรงกลั่นยังมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

TOP: คาดว่าจะขาดทุนใน 3Q และผลประกอบการจะแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้

เราคาดว่าอัตราการกลั่นจะทรงตัว qoq อยู่ที่ 103% เนื่องจากมีการทำ turnaround CDU3 ตามแผน (เป็นเวลา 15 วัน) ในขณะที่คาดว่า Market GRM จะดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ US$4.6/bbl จาก US$2.6 ใน  2Q19 เนื่องจาก crack spread ของน้ำมันเครื่องบิน, น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินสูงขึ้น โดย Murban crude premium เพิ่มขึ้นเป็น US$3.4/bbl จาก US$2.7 ใน 2Q19 ทั้งนี้ Premium ของ Murban, Arab light, Arab extra light crude oil เพิ่มขึ้นใน 3Q19 เป็น 70% ของน้ำมันดิบทั้งหมดที่ TOP นำเข้ามากลั่น เราคาดว่า TOP จะบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการทำ turnaround CDU3 ของ TOP 650 ล้านบาท ในขณะที่ TOP ปิดโรงกลั่น Aromatics ในเดือนกรกฎาคม ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 62% จาก 64% ใน 2Q19 ทั้งนี้ spread ของ  PX ลดลง US$79  qoq เหลือUS$194/ton ในขณะที่ spread ของ  BZ เพิ่มขึ้น US$70  qoq เป็น US$60/ton เราคาดว่า TOP จะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 1.2 พันล้านบาทใน 3Q19 โดย TOP ป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเอาไว้ 30% ของปริมาณการผลิต PX ทั้งหมดที่ spread US$380/t ซึ่งน่าจะมีกำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 100 ล้านบาท เราคาดว่า T0P จะมีกำไรจาก FX 250 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 142 ล้านบาทใน  3Q19F จากที่มีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาทใน 2Q19

SPRC: ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะฉุดให้ผลประกอบการยังขาดทุนต่อ

เราคาดว่าผลประกอบการของ SPRC จะอ่อนแอที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 1.1 พันล้านบาท เพราะคาดว่าจะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน (620 ล้านบาท) และมีค่าใช้จ่าย (1.3 พันล้านบาท)  สำหรับ 4Q19 เราคาดว่า Market GRM จะเพิ่มขึ้นเป็น US$5.0/bbl จาก US$2.6 ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก crack spread ของน้ำมันเครื่องบิน, น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราการกลั่นน่าจะทรงตัว QoQ อยู่ในระดับต่ำที่ 85% เนื่องจากต้นทุน LSWR (low sulfur waxy residual) แพง ซึ่ง SPRC ต้องใช้ในการสกัดให้เป็นน้ำมันเบนซิน โดยราคา LSWR เพิ่มขึ้นเป็น US$15/bbl เหนือราคาน้ำมันดิบดูไบใน 3Q จาก US$5-7/bbl ใน 2Q ทำให้ไม่คุ้มที่จะผลิตน้ำมันเบนซิน  เราคาดว่า SPRC จะมีกำไรจาก FX 190 ล้านบาทใน 3Q19 และจะมีผลขาดทุน

BCP: GRM ดีกว่าเพื่อน

BCP ปิด hydrocracking unit (HCU) 30 วันใน 3Q19 ซึ่งทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 92% จาก 94% ใน 2Q19 โดยเราคาดว่า Market GRM จะเพิ่มขึ้นเป็น US$7.0 จาก US$4.9 ใน 2Q19 เนื่องจาก crack spread ทุกตัวเพิ่มขึ้น qoq ทั้งนี้ น้ำมันเตาที่ BCP ผลิตได้ทั้งหมดเป็นประเภทกำมะถันต่ำ ซึ่งมีราคาสูงกว่าน้ำมันเตาที่กำมะถันสูง US$5/bbl ส่วนธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน เราคาดว่าค่าการตลาดจะลดลงเหลือ 0.78 บาท/ลิตร จาก 0.83 บาท/ลิตร ใน 2Q19 เนื่องจากปริมาณยอดขายลดลง 3% qoq ตามปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่คาดว่า BCP  จะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 920 ล้านบาท และมีกำไรจาก FX 100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 193 ล้านบาท ลดลง 63% และ 90% yoy

โดยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

www.mitihoon.com