PRIME ดีเดย์เทรด ‘กลุ่มพลังงาน’ เร่งเครื่องโรงไฟฟ้า209MW (30/10/62)

205

มิติหุ้น-PRIME วันนี้ย้ายหมวดเทรดเข้า “กลุ่มพลังงาน” ภายหลังรับโอนธุรกิจใหม่จาก PRGD มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท พร้อมโชว์พลังงานในมือ 209 MW มั่นใจผลงานปี 63 โตฉลุย ซุ่มเทกโอเวอร์โรงไฟฟ้าไต้หวันเพิ่ม 8 โครงการ 14.5 MW

ผู้สื่อข่าว“มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) เดิมชื่อ บมจ.ฟู้ด แคปปิตอล (FC)โดย “นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์” กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขอยื่นคำขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาคุณสมบัติในการเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ว่า ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจารณาแล้วมีคุณสมบัติครบถ้วน พร้อมกำหนดให้เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ในกลุ่มทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2562

โดยภายหลังบริษัทได้เข้าซื้อและรับโอนธุรกิจใหม่ ทั้งหมด (Entire Business Transfer) ของ “บ.ไพร์ม โรด อัลเทอร์เนทีฟ (PRA)” ซึ่งเป็น Holding Company ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมี “บ.ไพร์ม โรด โซลาร์ (PRS)” เป็นบริษัทแกน ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทได้ชำระค่าตอบแทนด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 14,881,481,481 หุ้น ให้กับ “บ.พีอาร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (PRGD)” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ PRA ในราคาหุ้นละ 0.27 บาท มูลค่ารวม 4,018 ล้านบาท และขายธุรกิจเดิมออกไป ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

โชว์กำลังผลิตไฟฟ้า 209 MW

ทั้งนี้  PRIME จะเป็น Holding Company โดยมี PRS เป็นบริษัทแกน ทั้งนี้กลุ่มบริษัทภายใต้การถือหุ้นของ PRA มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 209 MW (กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น 89.7 MW) หรือมีกำลังการผลิตตามสัญญา 175.6 MW(กำลังการผลิตตามสัญญา ตามสัดส่วนการถือหุ้น 80.4 MW ) ผ่านการถือหุ้นใน 1.บ. ไพร์ม เอ็นเนอร์ยี่ แคปปิตอล (PEC)และ 2.บ. ไพร์ม โรด กรุ๊ป (PRG)

PRAโชว์กำไร 6 เดือน 166 ลบ.

ล่าสุด PRA มีผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 โดยมีรายได้จากการขายไฟฟ้าและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 334.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ กำไรสุทธิ  166.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนทั้งปี 61 รายได้จากการขายไฟฟ้าและส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วม 509.40 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 184.7 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาจากกำไรสุทธิของโครงการ LRA02 และโครงการ KPA05 ภายใต้ SSP จำนวน 9.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิของโครงการ KTM07 ภายใต้ PGS จำนวน 4.3 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากส่วนแบ่งกำไรใน บริษัทร่วมของ PEC 18.8 ล้านบาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง

ซุ่มซื้อโรงไฟฟ้าไต้หวัน 8 แห่ง

สำหรับภาพธุรกิจในปี 63 มั่นใจจะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไต้หวันที่อยู่ระหว่างพัฒนาและเปิด COD แล้ว รวม 8 โครงการย่อยภายใต้ “โครงการ Yunlin”กำลังการผลิตรวม 14.5 MW

www.mitihoon.com