มิติหุ้น-นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทาลิส จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ประเภทกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) อยู่ที่ 12,600 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 ตุลาคม 2562) เติบโตเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2018 กว่า 8,000 ล้านบาท จากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนเงินลงทุนที่มาจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 60% ลูกค้าบุคคลรายใหญ่ 30% และเงินลงทุนที่มาจากลูกค้านิติบุคคล 10%
ปัจจัยหลักที่ทำให้กองทุนส่วนบุคคลของบลจ.ทาลิส เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาจากความไว้วางใจในกระบวนการบริหารจัดการกองทุนอย่างมืออาชีพในระดับสากลของทีมผู้จัดการกองทุน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการลงทุนมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย และมี Track Record ที่พิสูจน์ได้ว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับลูกค้าได้
ทั้งนี้กลยุทธ์ลงทุนในปี 2019 บลจ.ทาลิส ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตภายใน ประเทศเป็นหลัก เช่น กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น เนื่องจากหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการได้ง่าย และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนหลายปัจจัยในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้า การแข็งค่าของค่าเงินบาท หรือความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์น้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่น
นายฉัตรพีกล่าวเพิ่มเติมว่า จากมุมมองและกลยุทธ์การลงทุนดังกล่าวทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนส่วนบุคคลในปี 2019 (YTD ถึง 31 ตุลาคม 2019) ซึ่งบริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนบลจ.ทาลิส เติบโตขึ้นประมาณ 6-9% เมื่อเทียบกับผลตอบแทน SET Index ที่ 2.4% และผลตอบแทน SET Index Total Return ที่ 5.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
“กลยุทธ์หลักของเราที่ใช้ในการบริหารจัดการมาตลอดคือ การเลือกลงทุนรายหลักทรัพย์ (Stock Selection) เน้นที่การเลือกหุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน มองแนวโน้มธุรกิจระยะยาวเป็นหลัก เพราะเราเชื่อว่าราคาหุ้นในระยะยาวจะสะท้อนผลประกอบการของตัวบริษัท หรือหากลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตดีในระดับราคาที่เหมาะสม ระยะยาวราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นตามผลประกอบการของบริษัทเช่นกัน และหากเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลในระดับที่ดีได้ด้วย เงินปันผลก็จะเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นได้ในระดับหนึ่ง เราไม่เน้นการบริหารจัดการกองทุนใน Market Timing การปรับเปลี่ยนการลงทุนควรเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก มากกว่าการปรับเปลี่ยนการลงทุนตามความผันผวนของตลาด เพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากการเก็งสภาวะตลาดและยังเป็นการเพิ่มต้นทุนจากการซื้อขายอีกด้วย” นายฉัตรพีกล่าว
สำหรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะยาวหากอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องของระบบการเงินยังมีอยู่สูง ก็จะสามารถผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปต่อได้ อีกทั้งระยะยาวยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตลาดตราสารหนี้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจของประเทศและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงเติบโตในระดับที่ต่ำ ก็จะส่งผลให้ Upside ของตลาดหุ้นค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากปัจจัยลบทั้งภายในแลต่างประเทศ ทาลิสคาดว่าแนวโน้มผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยโดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-8% ต่อปี ซึ่งการที่จะทำให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดได้ บลจ.ทาลิสจึงเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีการเติบโตที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยตลาด