PORT พื้นฐานแกร่ง-ลุยลงทุนท่าเรือที่ 3

252

 

คุณเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า “ บริษัทฯมีความยินดีที่ได้ย้ายเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันนี้ (จากเดิมที่จดทะเบียนในตลาด mai ตั้งแต่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560) และคาดว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับหลักทรัพย์ ลดข้อจํากัดในการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ และเพิ่มเสถียรภาพให้กับบริษัทและหุ้นของบริษัทฯมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นทุกราย

PORT นับเป็น หนึ่งในผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นบริษัทฯเดียวในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ให้บริการท่าเรือเชิงพานิชย์แบบครบวงจร โดยบริษัทฯได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา เราได้พัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องจนเป็นผู้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากสายเรือชั้นนำหลายสายที่เข้ามาเป็นทั้งลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ”

คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า “บริษัทตั้งเป้าหมายต้องการเป็นผู้ให้บริการนวัตกรรมโลจิสติกส์โซลูชั่นในประเทศที่ลูกค้าเลือกเป็นลำดับแรก ด้วยกลยุทธหลัก 3 ด้าน คือ หนึ่ง เติบโตไปพร้อมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ดังที่ผ่านมาเราได้ขยายธุรกิจไปพร้อมกับลูกค้าและคู่ค้า เพื่อการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน

สอง เน้นการนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามามีส่วนช่วยในการให้บริการ โดยเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทฯได้เริ่มทดลองเทคโนโลยีการอ่านตู้สินค้าอัตโนมัติ หรือ OCR (Optical Character Recognition) มีหลักการทำงานคือใช้กล้องวงจรปิดช่วยในการอ่านหมายเลข ตู้สินค้าที่ผ่านเข้าออกท่าเรือ และแปลงภาพถ่ายเลขตู้สินค้าเป็นข้อมูลเพื่อนำเข้าระบบ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ลดขั้นตอนในการบันทึกข้อมูล เพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ และยังได้มีการลงนามเป็นผู้ร่วมทดลองการใช้ระบบเทรดเลนส์ (TradeLens) โดยความร่วมมือของบริษัท เอ.พี.มอลเลอร์-เมอส์ก และไอบีเอ็ม การตรวจปล่อยสินค้าล่วงหน้าจากข้อมูลบนแพลตฟอร์มเทรดเลนส์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ได้ โดยทุกฝ่ายจะทราบข้อมูลสินค้าตั้งแต่เรือออกจากประเทศต้นทางจนถึงปลายทางได้แบบเรียลไทม์ และสุดท้ายคือการพัฒนาด้านบุคลากรของบริษัทฯเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อยกระบบองค์กร”

ส่วนความคืบหน้าโครงการลงทุน “โครงการขยายธุรกิจท่าเรือและโลจิสติกส์  แบบครบวงจร       เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้ธุรกิจของบริษัทโดยการลงทุนสร้างท่าเรือพาณิชย์แห่งที่ 3 ผ่านการลงทุนใน บริษัท บางกอก  ริเวอร์ เทอร์มินอล จำกัด (BRT) คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการให้บริการท่าเรือได้อีกประมาณ 180,000 TEUs/ปี รวมกับความสามารถในการให้บริการเดิมของ   บริษัทฯ และบริษัทย่อยเป็น 920,000 TEUs/ปี หรือเพิ่มขึ้นราว 24% และโครงการขยายศูนย์กระจายสินค้าต่อยอดธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการ โลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยลงทุนใน บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (BLP) เพื่อพัฒนา และบริหารโครงการ โลจิสติกส์พาร์ค หรือศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2563 และจะเข้ามามีส่วนช่วยให้ปริมาณการขนถ่ายสินค้าผ่านท่าเรือเติบโตขึ้น สำหรับปี 2563 ทางบริษัทฯคาดการณ์ว่าภาวะการนำเข้าส่งออก อาจจะยังเป็นปัจจัยที่ท้าทายสำหรับฝ่ายบริหาร แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯก็ได้มีการจัดการภายในเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและคล่องตัว ทำให้มั่นใจว่าบริษัทฯมีความพร้อมในการแข่งขัน”

บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เป็นผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทยโดยให้บริการตั้งแต่ 1. ธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจรสำหรับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Feeder) และเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง (Barge)  รวมถึงการให้บริการบรรจุสินค้าเข้าและถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) และซ่อมแซมทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) 2.ธุรกิจการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ภายในบริเวณจังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑลบริเวณเขตพื้นที่แหลมฉบัง 3. ธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้าโดยให้บริการพื้นที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์ และคลังจัดเก็บสินค้ากับลูกค้า ทั้งที่เป็นเขตให้บริการปกติและปลอดภาษีอากร (Free Zone) ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯให้บริการแก่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกกลุ่มธุรกิจ e-commerce และอีกหลากหลายอุตสาหกรรม 4.ธุรกิจการให้บริการ เกี่ยวเนื่องอื่นๆ อาทิ การให้บริการ Freight Forwarding เป็นต้น

www.mitihoon.com