มิติหุ้น – ทรัสต์ ‘AIMCG’ จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ ‘โนเบิล’ เสริมทัพเดินหน้าลงทุนพื้นที่ส่วนรีเทล บนทำเลทอง “ทองหล่อ” ตอกย้ำการเติบโตของทรัสต์อย่างไม่หยุดยั้ง รับอานิสงค์ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ทองหล่อปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
ทรัสต์ ‘เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท’ หรือ ‘AIMCG’ จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์พื้นที่ส่วนรีเทล โครงการ โนเบิล โซโล ใจกลางทองหล่อ ที่มีอัตราการเช่าเต็ม 100% สร้างรายได้ต่อเนื่อง ถือเป็นทรัสต์ประเภทพาณิชยกรรมหรือรีเทลกองแรกและหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่มีการลงทุนในกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ พร้อมรับอานิสงค์ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ทองหล่อปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต เล็งลงทุนเพิ่มพื้นที่ส่วนรีเทลที่มีศักยภาพของโครงการโนเบิลต่อเนื่อง สร้างโอกาสการเติบโตของทรัสต์ในอนาคต มั่นใจทรัพย์สินใหม่ หนุนผลดำเนินงานเติบโตมั่นคง หวังให้ผลตอบแทนนักลงทุนตามเป้าหมาย
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ็มกรุ๊ป ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า “ภายหลังจากที่กองทรัสต์ AIMCG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าการลงทุนในทรัพย์สินครั้งแรกประมาณ 2,880 ล้านบาทนั้น ล่าสุดกองทรัสต์ AIMCG ตอกย้ำความสำเร็จอีกขั้น เดินหน้าจับมือพันธมิตร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา กองทรัสต์ AIMCG ได้เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในกรรมสิทธิ์พื้นที่ส่วนรีเทล โครงการอาคารชุด โนเบิล โซโล ทองหล่อ จำนวน 6 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 210 ล้านบาท
นายอมร กล่าวต่อไปว่า “การจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับโนเบิลฯ ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของกองทรัสต์ AIMCG ที่จะช่วยขยายโอกาสในการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่มีศักยภาพของโนเบิลและช่วยผลักดันให้กองทรัสต์ AIMCG มีขนาดทรัพย์สินที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนหรือผู้ถือหน่วยลงทุนที่ดีขึ้นได้ในระยะยาว นอกจากนี้ การที่กองทรัสต์ AIMCG จัดตั้งและบริหารโดย เอไอเอ็มกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระโดยไม่ได้เป็นบริษัทในเครือของเจ้าของทรัพย์สิน จึงสามารถบริหารงานได้อย่างโปร่งใสและเป็นกลาง
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ AIMCG ในไตรมาส 3 ของปี 2562 (3 ก.ค. – 30 ก.ย. 2562) นั้น อยู่ในระดับที่ดีตามที่ตั้งเป้าหมายไว้และพร้อมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ในอัตรา 0.1904 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อเดือนกรกฎาคม2562 และมั่นใจว่าด้วยทรัพย์สินที่มีคุณภาพและอัตราการเช่าที่อยู่ในระดับสูง จะทำให้กองทรัสต์ AIMCG สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้ตามที่ประมาณการไว้
ด้านนายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ เอไอเอ็มกรุ๊ป เปิดเผยว่า “การเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่เป็นพื้นที่ส่วนรีเทลของโครงการโนเบิล โซโล ทองหล่อ ที่มีอัตราการเช่าพื้นที่เต็มทั้ง 100% นั้น จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และที่สำคัญการได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือ Freehold ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงสิทธิการเช่า( Leasehold) เท่านั้น นอกจากจะทำให้ภาพรวมทรัพย์สินที่กองทรัสต์ AIMCG ลงทุน มีสัดส่วนการลงทุนในกรรมสิทธิ์ต่อสิทธิการเช่าที่ดีขึ้นแล้ว รวมทั้งทำเลที่ตั้งของโครงการนี้ ที่อยู่ใจกลางทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ซึ่งถือเป็นย่านที่มีศักยภาพ โดยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ที่สำคัญของกรุงเทพฯ ทำให้ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ AIMCG ในอนาคต”
“การลงทุนครั้งนี้ ยังทำให้เกิดการกระจายตัวของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ AIMCG เข้าลงทุนที่ดีขึ้น รวมทั้งอัตราค่าเช่าเฉลี่ยก็มีการปรับตัวสูงขึ้นด้วย ซึ่งมั่นใจว่าปัจจัยบวกดังกล่าวจะผลักดันให้กองทรัสต์ AIMCG มีผลการดำเนินงานที่ดีและมีเสถียรภาพ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอให้แก่นักลงทุนได้ในระยะยาว”
นายจรัสฤทธิ์ ยังกล่าวต่อไปว่า “การลงทุนในกองทรัสต์ หรือ REIT เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนที่น่าสนใจ ท่ามกลางภาวะความผันผวนของตลาดทุนทั่วโลกและทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง ด้วยจุดเด่นของการลงทุนในกอง REIT ซึ่งให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในรูปของเงินปันผล และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงกว่าผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากหรือตราสารหนี้โดยทั่วไป อีกทั้งยังมีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นจึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น”
โดยจากข้อมูลพบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ดัชนี SET PF&REIT ปรับตัวขึ้นกว่า 25.80% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเทียบจาก SET INDEX ที่ปรับตัวลดลงและมีความผันผวนสูงมาก รวมทั้งเมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการฝากเงิน ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 0.125% – 0.5% ขณะที่เงินปันผลจากการลงทุนในกอง REIT เฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 5% – 8% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการลงทุนในประเภทอื่นมาก
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โครงการโนเบิล โซโล เป็นโครงการอาคารชุดที่ประกอบด้วยพื้นที่เพื่อการ พักอาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพใจกลางทองหล่อ ซึ่งเป็นถนนที่รายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแนวคิดร่วมสมัย และผู้อยู่อาศัยในย่านนี้เป็นกลุ่ม ผู้มีกำลังซื้อสูง อีกทั้งการคมนาคมและสาธารณูปโภคเพรียบพร้อม สามารถเดินทางเข้า-ออกได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนและใกล้แนวรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยพื้นที่รีเทลของโครงการโนเบิล โซโล ทองหล่อ ที่ทรัสต์ AIMCG เข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ทั้ง 6 ยูนิต ถือเป็นพื้นที่รีเทลที่มีความโดดเด่น ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในปัจจุบัน บริษัท ชนินทร์ ลิฟวิ่ง จำกัด (CHANINTR) ผู้นำตลาดนำเข้าและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ เป็นผู้เช่าทั้งหมดและทำสัญญาเช่ามาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากทำเลสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและเหมาะสมกับธุรกิจเป็นอย่างมาก”
นายอรรถวิทย์ กล่าวต่อไปว่า “การจับมือเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างโนเบิลและทรัสต์ AIMCG ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จและความร่วมมือกันในอนาคต เป็นกลยุทธ์ความร่วมมือแบบ WIN-WIN ที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับทรัสต์ AIMCG ที่เป็นทรัสต์อิสระและมีความเป็นกลางในการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพศักยภาพในการสร้างรายได้ของอสังหาริมทรัพย์ของทรัสต์ในภาพรวม ส่วนทางโนเบิล ถือเป็นช่องทางการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว โดยนำทรัพย์สินที่มีคุณภาพมาจำหน่ายให้แก่กองทรัสต์ นอกจากนี้ บริษัทและทรัสต์ยังมีแผนร่วมกันในอนาคต เนื่องจากโนเบิลมีโครงการที่มีพื้นที่รีเทลซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) ที่เป็นลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายโครงการ จึงมีแนวโน้มสูงที่จะนำเสนอทรัพย์สินที่มีคุณภาพในลักษณะนี้ให้แก่ทรัสต์ AIMCG ได้พิจารณาลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในทำเลทองหล่อที่มีศักยภาพสูงมาก”
“การจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง AIMCG กับ โนเบิลในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของทรัสต์ AIMCG ที่จะช่วยขยายโอกาสในการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่มีศักยภาพของโนเบิล ช่วยผลักดันให้ทรัสต์ AIMCG มีขนาดทรัพย์สินที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มั่นใจทรัพย์สินใหม่หนุนผลการดำเนินงานเติบโตมั่นคง พร้อมให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนตามคาดการณ์ได้อย่างแน่นอน” นายอมร กล่าวสรุป
ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aimcgreit.com