ผู้สื่อข่าว มิติหุ้น รายงานว่า บมจ.เอสวีไอ (SVI) ชี้แจงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่อนุมัติให้บริษัทเข้าทำสัญญาสินเชื่อระยะยาวและเอกสารทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกสิกรไทย (KBANK)
- วัตถุประสงค์การเข้าทำสัญญาสินเชื่อระยะยาววงเงินรวมไม่เกิน 2,800 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวนไม่เกิน 1,800 ล้านบาท และนำไปใช้เป็นรายจ่ายฝ่ายทุน (Capital Expenditure) เงินทุนหมุนเวียน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THBFIX+ อัตราคงที่ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง THBFIX จะสามารถเปลี่ยนไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย
2.คณะกรรมการบริษัทฯ และคณะกรรมการตรวจสอบได้รับแจ้งจากฝ่ายบริหารของบริษัทฯว่า บริษัทมีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรร ณ วันที่ 30 ก.ย.62 ส่วนที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และในส่วนที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จำนวนรวมทั้งสิ้น 4,947 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เหมาะสมและเพียงพอใจการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 4,152 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาจากสินเชื่อระยะยาวจำนวน 1,800 ล้านบาท และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวของบริษัทจำนวน 2,352 ล้านบาท
การจ่ายเงินปันผลระหว่างเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด รวมทั้งการจ่ายปันผลระหว่างกาลดังกล่าวจะช่วยให้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของบริษัทสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับบริษัทและผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบ จึงพิจารณาเห็นสมควรให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจของบริษัทมีเป้าหมายสำหรับการเติบโตในระยะ 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะต้องมีการใช้เงินทุนสำหรับรายจ่ายฝ่ายทุน เงินทุนหมุนเวียน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่เพิ่มขึ้น คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมกาตรวจสอบจึงเห็นสมควรที่บริษัทเข้าทำสัญญาสินเชื่อระยะยาวในสภาวะดอกเบี้ยปัจจุบันที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น
ปัจจุบัน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทอยู่ที่ 0.2 เท่า ตามงบการเงินรวมไตรมาส 3/62 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำ แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งนี้ ภายหลังการเบิกเงินกู้และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล บริษัทคาดว่า D/E Ratio จะเพิ่มเป็น 1.2 เท่า ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและตามมาตรฐานและจะลดลงอย่างต่อเนื่องในการที่บริษัทฯได้ทยอยชำระหนี้
ด้วยปัจจัยในการพิจารณาการจ่ายปันผลระหว่างการ และความต้องการใช้เงินทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัท คณะกรรมการบริษัทฯ และคณะกรรมการตรวจสอบ คำนึงถึงสภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำในปัจจุบัน และความสามารถในการชำระหนี้ที่บริษัทฯ มีคณะกรรมการบริษัทฯ และคณะกรรมการตรวจสอบจึงเห็นเป็นอันสมควรที่มีการเข้าทำสัญญาสินเชื่อระยะยาวดังกล่าว