ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงาน บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค หรือ DOD ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ ในรูปแบบการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) โดย “นายถกล บรรจงรักษ์” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนัก “เชิงบวก” ต่อหุ้น DOD เพราะมองว่าผลประกอบการ “ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว” และจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่รายได้จาก “ธุรกิจขายตรง” เริ่มถึงจุดคุ้มทุน และมีกำไรตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 4/62
ชี้ผ่านจุดต่ำสุด-Q4โตเด่น
โดยในช่วงไตรมาส 4/62 คาดผลประกอบการจะกลับมาเติบโต เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 ที่มีกำไรสุทธิ 20.03 ล้านบาท รายได้รวม 219.96 ล้านบาท และไตรมาส 4/61 ที่มีกำไรสุทธิ 9.19 ล้านบาท และ รายได้รวม 66.83 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก DOD มีรายได้จาก “ธุรกิจขายตรง” ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 45 บาท เป็น 160-200 ล้านบาท ซึ่งจะครอบคลุมต้นทุนค่าใช้จ่ายการขายที่เพิ่มขึ้น
ส่วน “ธุรกิจ PCCA” ที่บริษัทเข้าซื้อกิจการตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจ และปรับระบบการผลิตเป็นแบบอัตโนมัติโดยติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นประสิทธิภาพในการทำกำไรที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 ต่ำกว่าคาด ทำให้ฝ่ายวิจัยมีการปรับลดประมาณการกำไรปี 62 และ 63 ลงเหลือ 120 ล้านบาท และ 170 ล้านบาท ตามลำดับ ดังนั้นจึงแนะนำ “เก็งกำไร” เป้าหมาย 10 บาท
ธุรกิจฟื้น-ออเดอร์ทะลัก
ด้าน “นายธนา รังสิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2562จะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากยอดออเดอร์ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจาก “บ.อัลทิมา ไลฟ์” (DOD ถือหุ้น 80%) ซึ่งดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง ภายใต้ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร ที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติทั้งหมด
อาทิ One Whey (เวย์โปรตีน) , Levarean ( เลวารีน ), Prepo Fiber and Detox (เพรโป), Callox (แคลล็อกซ์), Zinegra (ซิเนกร้า) ,DOD H.Coffee (ดีโอดี เอช. คอฟฟี่) และ R3verse Vine (อาร์3เวิสวายน์) โดยล่าสุด DOD มีออเดอร์ใหม่ เข้ามาแล้วมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 62
“ DOD มีออเดอร์ใหม่ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่รอการส่งมอบในช่วงไตรมาส 4/62 มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ขณะที่ “อัลทิมา ไลฟ์” ได้ตั้งเป้ายอดขายตรงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ระดับ 150 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถขยายฐานกลุ่มสมาชิกเป็นตัวแทนขายภายในสิ้นปีนี้แตะ 35,000 ราย จากปัจจุบันกว่า 21,000 ราย ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสสุดท้ายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ”นายธนา กล่าว
www.mitihoon.com