มิติหุ้น- 7UP เปิดแผนธุรกิจปี 63 ปักธงรายได้โตเกิน 15% โชว์กลยุทธ์รุกธุรกิจพลังงานเต็มรูปแบบ ลุยชิงเค้กโรงไฟฟ้าชุมชนตามแผนของกพช. 700 MW และบุกธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงานทั้งในและต่างประเทศ พร้อมศึกษาหาแนวทางล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 1,256 ล้านบาท หวังกลับมาจ่ายปันผลคืนผู้ถือหุ้น
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ หรือ 7UP โดย “นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2563 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเกิน 15% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 1,300 ล้านบาท หรือเติบโตเกิน 15% และในปี 2562 จะเป็นปีแรกที่ผลประกอบการพลิกมีกำไรสุทธิครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ชิงประมูลโรงไฟฟ้า700MW
โดยในปี 2563 บริษัทยังคงให้ความสำคัญและมุ่งลงทุนใน “ธุรกิจพลังงาน” เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทพลังงานโดยแท้จริง ซึ่งปัจุบันบริษัทเตรียมจะเสนอตัวเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ภายหลังคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประกาศเกณฑ์โรงไฟฟ้าชุมชน 700 MW ตามแผนขับเคลื่อนระหว่างปี 2563-2567 ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าน่าจะชนะประมูล 2-4 โรง โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ภาคใต้ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 20 MW
ขณะที่ “ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน” มีแนวโน้มเติบโตที่ดี ภายหลังได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยในปี 2563 นี้ บริษัทได้ทำข้อตกลงกับบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศ 3-4 ราย โดยบริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้ลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน บนพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมของลูกค้า มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้โดยการแบ่งผลกำไรจากการประหยัดค่าไฟฟ้าตามสัดส่วน (Profit Sharing)
รับทรัพย์ธุรกิจขายอุปกรณ์
ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก บริษัทจะให้ความสำคัญกับการบุกตลาดอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในประเทศ และในช่วงครึ่งปีหลัง มีความพร้อมจะบุกตลาดต่างประเทศ หลังจากได้จดสิทธิบัตรในประเทศใกล้เคียงกลุ่มประเทศอาเซียนรวม 12 ประเทศ บริษัทคาดหวังว่าธุรกิจดังกล่าวจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป
“สาเหตุสำคัญที่บริษัทมุ่งสู่การก้าวขึ้นเป็นบริษัทพลังงานเต็มรูปแบบ เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและมีความมั่นคงในระยะยาว ในขณะที่ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน พบว่าสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูง อีกทั้งรูปแบบโมเดลธุรกิจส่งผลให้ทั้งบริษัทฯ และ ลูกค้าต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ และ ข้อสำคัญเป็นธุรกิจที่ยังไร้คู่แข่ง เนื่องจากเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่บริษัทได้คิดค้นขึ้นใหม่ โดยได้รับการจดทะเบียนคุ้มครองสิทธิ์จาก กรมทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย” นายสิทธิชัย กล่าว
ธุรกิจหลักโตเด่น-ล้างขาดทุนสะสม
โดยทั้ง “ธุรกิจพลังงาน และ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน” จะมีส่วนช่วยเสริมการเติบโตของบริษัท ในอนาคต จากปัจจุบัน “ธุรกิจสถานีแก๊สและน้ำมัน” ยังคงสร้างรายได้หลัก ขณะที่ “ธุรกิจกำจัดขยะ” นั้นจะเริ่มเห็นผลบวกเต็มปีตั้งแต่ปี 2563 นี้ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยบวกสนับสนุนผลประกอบการในปี 2563 ให้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2563 สัดส่วนรายได้จะมาจาก ธุรกิจกลุ่มสถานีแก๊ส ยังคงสร้างรายได้หลักในสัดส่วน 40% ธุรกิจสื่อสาร 25% ธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม 15% ธุรกิจพลังงานทดแทน 15% และธุรกิจอื่น ๆ 5%
www.mitihoon.com